เมื่อเห็นข่าวต้นไม้ หรือ กิ่งไม้ริมทางหักหล่นกีดขวางการจราจร ทับยานพาหนะหรือผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาบน ท้องถนน ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใช้ทางดังกล่าว หลายท่านอาจเคยสงสัยว่า ...การที่ต้นไม้เหล่านั้นล้มลง ใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น
วันนี้มีตัวอย่างคดีมาเล่าสู่กันฟัง โดยเป็นเรื่องของต้นไม้ล้มทับรถยนต์ของผู้เอาประกันภัย ที่จอดรถไว้ใต้ต้นไม้ในขณะฝนตก และบริษัทผู้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวได้รับช่วงสิทธิมาฟ้องคดีต่อศาลปกครอง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากหน่วยงานที่ดูแลพื้นที่เกิดเหตุ
มาดูกันว่ากรณีนี้ ... ใครจะเป็นผู้รับผิดและรับผิดกันอย่างไร?
เรื่องมีอยู่ว่า... บริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง(ผู้ฟ้องคดี) เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ไว้จากนายเอ ต่อมา นายเอได้นำรถยนต์ไปจอดไว้ริมถนนในท้องที่กรุงเทพมหานคร ปรากฏว่ากิ่งของต้นมะกลํ่าที่อยู่ริมถนนดังกล่าวได้หักลงมาทับรถยนต์ของนายเอ ได้รับความเสียหาย เมื่อผู้ฟ้องคดีในฐานะผู้รับประกันภัยได้จ่ายค่าซ่อมแซมรถยนต์ไปแล้ว จึงรับช่วงสิทธิของนายเอนำคดีมาฟ้องเพื่อขอให้ศาลปกครองมีคำพิพากษาให้กรุงเทพมหานคร (ผู้ถูกฟ้องคดี) รับผิดชดใช้ค่าเสียหายจากการที่ไม่ดูแลบำรุงรักษาต้นไม้ให้มั่นคงแข็งแรง
คดีนี้ กรุงเทพมหานครอ้างว่าได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร ไม่ได้ปล่อยปละละเลยในการดูแลรักษาต้นไม้ การที่กิ่งไม้หักเพราะเกิดฝนตกหนักและลมพัดแรงมากผิดปกติ ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่สามารถป้องกันได้
ประเด็นของคดีคือ การที่กิ่งไม้ขนาดใหญ่หักลงมาทับรถยนต์ของ นายเอ ถือเป็นการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่ อันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่?
ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่ากรุงเทพมหานครมีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ในการดูแลบำรุงรักษาทางซึ่งรวมถึงต้นไม้ที่อยู่ในเขตทางและที่สาธารณะให้อยู่ในสภาพแข็งแรง ตลอดจนการตัดแต่งกิ่งไม้ที่ไม่แข็งแรงและอาจหักหล่นลงมาเป็นอันตรายแก่ผู้ใช้ทางหรือที่สาธารณะด้วย
เมื่อบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ใกล้กับโรงเรียนซึ่งจะมีเด็กนักเรียนและผู้ปกครองสัญจรผ่านบริเวณนี้เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ยิ่งควรต้องดูแลบำรุงรักษาต้นไม้ในบริเวณดังกล่าวเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันมิให้เกิดอันตรายขึ้น โดยเมื่อพิจารณาจากภาพถ่ายที่เกิดเหตุเห็นได้ว่า ต้นไม้บริเวณดังกล่าวไม่ได้รับการตัดแต่ง โดยกิ่งต้นมะกลํ่าเป็นกิ่งไม้ขนาดใหญ่และมีสภาพผุกลวง
แสดงให้เห็นว่ามิได้มีการดูแลบำรุงรักษาต้นไม้อย่างเพียงพอ ประกอบกับสภาพอากาศในวันเกิดเหตุมีฝนตกและความเร็วลมเพียงเล็กน้อย หากมีการดูแลบำรุงรักษาต้นไม้อย่างเพียงพอ กิ่งขนาดใหญ่ย่อมไม่หักหล่นลงมาทับรถยนต์กรณีจึงไม่ใช่เหตุสุด วิสัยเนื่องจากภัยธรรมชาติดังที่กรุงเทพมหานครกล่าวอ้าง แต่เกิดจากเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่งดเว้นหรือละเลยต่อหน้าที่ในการดูแลบำรุงรักษาต้นไม้ในความรับผิดชอบให้มีความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ทาง
จึงถือเป็นการกระทำละเมิดต่อนายเอ ผู้เอาประกันภัย และต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายเอ ตามมาตรา 420 ประกอบมาตรา 434 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กรุงเทพมหานครในฐานะหน่วยงานของรัฐต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายเอตามมาตรา 5 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 โดยผู้ฟ้องคดีเข้ารับช่วงสิทธิของนายเอเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากการกระทำละเมิดได้ตามมาตรา 880 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายเดียวกัน
ส่วนกรุงเทพมหานครจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดีเพียงใดนั้น ศาลเห็นว่า นายเอได้นำรถยนต์ไปจอดตั้งแต่ก่อนฝนตกจนกระทั่งฝนตก และเกิดเหตุกิ่งของต้นไม้หักลงมาทับรถยนต์ ซึ่งไม่เกินความคาดหมายที่จะเล็งเห็นได้ว่า การจอดรถยนต์ใต้ต้นไม้ในขณะที่ฝนตก กิ่งไม้อาจหักหล่นลงมาทับรถยนต์ได้ จึงไม่ควรจอดใต้ต้นไม้ต่อไป
การกระทำของนายเอ จึงเป็นการกระทำโดยปราศจากความระมัด ระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ ประกอบกับนายเอได้นำรถยนต์พิพาทไปจอดไว้ในเวลาและบริเวณที่ห้ามจอด อันเป็นการฝ่าฝืนเครื่อง หมายจราจรประเภทป้ายบังคับ ซึ่งมีไว้เพื่อควบ คุมให้ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ดังนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงเกิดจากความประมาทเลินเล่อ และการฝ่าฝืนบทบังคับแห่งกฎหมายของนายเอ มากกว่าความผิดของกรุงเทพ มหานครที่ละเลยต่อหน้าที่ เมื่อ พิเคราะห์ถึงพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดแล้วเห็นควรให้กรุงเทพมหานครรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ฟ้องคดีร้อยละ 25 ของค่าเสียหาย พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.1120/2563)
อุทาหรณ์ข้างต้น... ถือเป็นแนวทางการปฏิบัติราชการให้แก่หน่วยงานของรัฐ หรือท้องถิ่นที่มีหน้าที่ตามกฎหมายในการดูแลรักษาทางซึ่งรวมถึงการดูแลตัดแต่งต้นไม้มิให้เกิดอันตรายแก่ประชาชนด้วย
นอกจากนี้ แม้ว่าหน่วยงานของรัฐต้องรับผิดจากการกระทำละเมิดอันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ แต่หากผู้เสียหายได้มีส่วนประมาท หรือ มีส่วนในการกระทำความผิดอยู่ด้วยแล้ว เช่น จอดรถใต้ต้นไม้ขณะฝนตก และจอดรถในที่ห้ามจอด ผู้เสียหายก็จะไม่ได้รับชดใช้เต็มจำนวนความเสียหาย โดยจะต้องรับภาระในความเสียหายอันเกิดจากความประมาทและการฝ่าฝืนกฎหมายของตนด้วยเช่นกัน
(ปรึกษาคดีปกครองได้ที่สายด่วนศาลปกครอง ๑๓๕๕ และสามารถศึกษาข้อมูลการใช้ระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ ระบบบริการปรึกษาคดีปกครองออนไลน์ ได้ที่หน้าเว็บไซต์ของศาลปกครอง www.admincourt.go.th รวมทั้งยังสามารถขอคัดสำเนาคำพิพากษาและคำสั่งของศาลปกครองผ่านแอปพลิเคชัน “ศาลปกครอง” ได้อีกด้วย โดยผู้สนใจสามารถดาวน์ โหลดแอปพลิเคชันดังกล่าวได้ที่เว็บไซต์ศาลปกครองเช่นกันครับ)