Octopus ฮ่องกงเปิดตัวแอพพลิเคชัน e-wallet สำหรับผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple
ผู้ที่เคยเดินทางมายังฮ่องกงย่อมคุ้นเคยกับบัตรชำระเงินอัจฉริยะ Octopus เป็นอย่างดีว่า บัตร Octopus คือ บัตรใช้จ่ายเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถใช้ชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้ภายในจำนวนเงินที่ผู้ใช้ได้เติมเข้าไปในบัตร โดยสามารถใช้เพื่อชำระค่าโดยสารของระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ ซื้อของตามร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ชำระค่าที่จอดรถ หรือแม้แต่ใช้ชำระค่าธรรมเนียมในโรงพยาบาลและโรงเรียนในฮ่องกงด้วย
ฮ่องกงเริ่มใช้บัตร Octopus อย่างเป็นทางการครั้งแรกในเดือนกันยายน 2540 เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารของระบบขนส่งมวลชนให้ไม่ต้องชำระค่าโดยสารเป็นธนบัตรหรือเหรียญ ต่อมาในเดือนเมษายน 2543 Hong Kong Monetary Authority ได้อนุญาตให้ Octopus สามารถใช้ชำระค่าบริการ/ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้ในธุรกิจร้านค้าปลีกทั่วไปทำให้บัตรใช้จ่ายเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ Octopus สามารถใช้งานได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น จนกระทั่งในปี 2548 Octopus ได้เพิ่มเครือข่ายธุรกิจในแบบ non-payment businesses เช่น การสะสมแต้มเพื่อแลกของขวัญ (Octopus Rewards) ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ห้างร้านค้าปลีกแฟรนไชส์ที่ต้องการสร้างความภักดีระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ (customer loyalty)
ในปี 2557 Octopus ได้ร่วมมือกับบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 แห่ง ได้แก่ 1010 CSL และ Sun Mobile เพื่อเปิดให้บริการระบบธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์แบบใหม่คือ Octopus Mobile SIM โดยซิมการ์ดดังกล่าวสามารถรองรับระบบการใช้จ่ายเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ของบัตร Octopus ทั่วไป และเป็นซิมการ์ดของระบบโทรคมนาคมเคลื่อนที่ (mobile telecommunication) อีกด้วย ซึ่งผู้สนใจสามารถขอรับ Octopus ซิมการ์ดได้ฟรีจากค่ายโทรศัพท์ที่ตนใช้บริการอยู่ โดยOctopus Mobile SIM นั้นสามารถใช้ได้กับสมาร์ทโฟนในระบบ Andriod เท่านั้น และปัจจุบันมีผู้ใช้บริการ Octopus Mobile SIM แล้วกว่า 1 ล้านราย
Octopus ฮ่องกงได้พัฒนาแอพพลิเคชัน e-wallet เพื่อบริการลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple ไปเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยผู้ที่ประสงค์จะใช้บริการดังกล่าวต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชันของ Octopus และซื้อ Octopus card reader ในราคาชิ้นละ 228 ดอลลาร์ฮ่องกง เพื่อใช้เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อระหว่างบัตร Octopus และอุปกรณ์ iPhone Apple Watch และ iPad เพื่อให้ผู้ใช้บริการผลิตภัณฑ์ของ Apple สามารถใช้ชำระเงินได้ตั้งแต่ร้านกาแฟไปจนถึงร้านค้าสินค้าแฟชั่นราคาแพง แต่กลุ่มผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple ได้แสดงความเห็นว่า ไม่ต้องการจ่ายเงินเพิ่ม 228 ดอลลาร์ฮ่องกงเพียงเพื่อจะใช้บริการบัตรOctopus บนผลิตภัณฑ์ของ Apple
อย่างไรก็ดี ตัวแทนจาก Octopus ฮ่องกงได้ชี้แจงเกี่ยวกับความคิดเห็นดังกล่าวว่า บริษัทไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการเพิ่มรายได้จากการขาย Octopus card reader แต่เพียงต้องการเพิ่มช่องทางสำหรับการใช้ประโยชน์จากบัตร Octopus ให้แก่ผู้ใช้บริการที่สนใจเท่านั้น
ทั้งนี้ Apple มีระบบป้องกันความปลอดภัยอย่างแน่นหนาด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ของ Appleเท่านั้น เช่น กระเป๋าเงินดิจิตอล (digital wallet) และบริการชำระเงินผ่านมือถือ (mobile payment) หรือที่เรียกกันว่า Apple Pay แต่เนื่องจาก Apple ใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่ง Octopus ไม่สามารถรองรับบริการดังกล่าวได้ ทำให้ Octopus ต้องพัฒนาเทคโนโลยี personal card reader ไว้ทำงานคู่กับ Apple Pay ซึ่งแตกต่างจากระบบการชำระเงินของ Alipay Tencent pay และ WeChat apps ที่สามารถรองรับระบบสแกนลายนิ้วมือได้จึงทำให้สะดวกต่อการใช้งานคู่กับ iPhone ปัจจุบันมีจำนวนบัตรเติมเงิน Octopus ประมาณ 28 ล้านใบและมีปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรดังกล่าวกว่า 13 ล้านครั้งต่อวัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 150 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง
นายซันนี เชียง ผู้บริหารของ Octopus กล่าวว่า Octopus ได้เปิดบริการชำระเงินออนไลน์แบบใหม่ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้บัตรOctopus สามารถโอนเงินระหว่างบุคคลได้โดยผ่านแอพพลิเคชัน O! ePay อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าให้ชำระค่าสินค้าออนไลน์ในเว็บไซต์ของ Alibaba’s Taobao ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม แอพพลิเคชันดังกล่าวยังไม่สามารถใช้งานร่วมกับผลิตภัณฑ์ของAppleได้ นายเชียงกล่าวว่า Octopus เน้นการเสนอบริการแบบใช้งานง่ายและสะดวกในการใช้งาน ซึ่ง Octopus ได้ตั้งเป้าการให้บริการไว้ในฐานะระบบชำระค่าบริการสำหรับรายการย่อยๆ แต่ในเดือนพฤศจิกายน 2559 นี้ Octopus มีแผนจะปรับมูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตร Octopus ให้สามารถใช้ชำระค่าบริการได้ตั้งแต่ 1,000 ดอลลาร์ฮ่องกงแต่ไม่เกิน 3,000 ดอลลาร์ฮ่องกงโดยนับจากเดือนพฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ผู้ให้บริการเติมเงินบัตร Octopus ต่าง ๆ จะต้องได้รับใบอนุญาตจาก Hong Kong Monetary Authority ด้วย ปัจจุบัน Hong Kong Monetary Authority เปิดเผยว่า มีผู้ประกอบการยื่นขอใบอนุญาตเป็นผู้ให้บริการเติมเงินบัตร Octopus แล้วกว่า 30 ราย โดยจากสถิติล่าสุด 55% ของผู้สมัครมาจากฮ่องกง 25% มาจากจีน และ 20% มาจากยุโรปและสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ ระบบ Apple Pay ไม่จำเป็นต้องสมัครใบอนุญาตเนื่องจากไม่ได้ใช้ระบบการเติมเงิน แต่ใช้เป็นระบบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตแทน
โลกในปัจจุบันกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสารสนเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะในต่างประเทศที่จะเน้นการพัฒนาระบบไอทีเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งประเทศไทยเองก็อยู่ในระหว่างการพัฒนาโครงการ National e-Payment หรือ Prompt Pay เพื่อลดการใช้เงินสดหรือการพกเงินจำนวนมากเพื่อชำระค่าบริการต่าง ๆ โดยโครงการ National e-Payment นี้เป็นของรัฐบาลไทย ดูแลโดยกระทรวงการคลัง มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการโอนเงิน และภาครัฐในการจ่ายสวัสดิการของรัฐ และการคืนเงินภาษีแก่ประชาชน ซึ่งน่าจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับลู่ทางการค้า-การลงทุน และความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนได้ที่เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน www.thaibizchina.com และอีกหนึ่งช่องทางใหม่ www.facebook.com/thaibizchina
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,192 วันที่ 15 - 17 กันยายน พ.ศ. 2559