KEY
POINTS
ช่วงบ่ายวันนี้ (22 ธันวาคม 2568) มีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน (ASEAN Foreign Ministers’ Meeting) สมัยพิเศษ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เริ่มต้นขึ้นเพื่อหาทางออกต่อสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่ทวีความรุนแรงขึ้น
โดยมีนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นตัวแทนฝ่ายไทย พร้อมด้วย พล.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร เข้าร่วมเพื่อยืนยันข้อมูลในมิติด้านความมั่นคง
ท่าทีของไทยในการประชุมครั้งนี้มีความชัดเจนและเข้มงวด โดยกระทรวงการต่างประเทศย้ำว่าการเจรจาใดๆ จะต้องอยู่บนบรรทัดฐาน 3 ข้อสำคัญ ได้แก่
1. กัมพูชาต้องเป็นฝ่ายประกาศหยุดยิงก่อน เนื่องจากไทยมองว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน
2. การหยุดยิงต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง โดยต้องมีคณะผู้สังเกตการณ์เข้าร่วมตรวจสอบ
3. กัมพูชาต้องร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงจัง หลังจากเกิดเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดจนได้รับบาดเจ็บสาหัสต่อเนื่อง ล่าสุดเป็นรายที่ 8 ในพื้นที่บ้านหนองรี จ.ตราด
เบื้องหลังความขัดแย้งและแรงกดดันจากมหาอำนาจ สถานการณ์สู้รบที่กลับมาปะทุตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2568 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 40 ราย และประชาชนกว่า 5 แสนคนต้องอพยพออกจากพื้นที่
ความตึงเครียดนี้ทำให้มหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ และจีน ต่างแสดงความกังวลและพยายามเข้ามามีบทบาทคนกลางเพื่อระงับเหตุ
ขณะที่ไทยยืนยันว่าเวทีนี้จะเป็นโอกาสสำคัญในการแสดงหลักฐานข้อเท็จจริง และจะไม่มีแรงกดดันใดที่ทำให้ไทยต้องเสียเปรียบในเรื่องอธิปไตย
การประชุมครั้งนี้ นายโมฮามัด ฮาซัน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เป็นประธานในที่ประชุม โดยจะมีการจัดลำดับการพูดตามตัวอักษร ซึ่งกัมพูชาจะได้สิทธิกล่าวถ้อยแถลงก่อนไทย
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าจะใช้เวลาประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที และจะไม่มีการออกแถลงการณ์ร่วมอย่างเป็นทางการ แต่อาจมีเพียงถ้อยแถลงของประธานอาเซียนเท่านั้น
นายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย แสดงความหวังว่าเวทีนี้จะเป็น "พื้นที่สร้างสรรค์" ให้ทั้งสองประเทศเจรจากันอย่างเปิดเผยเพื่อบรรลุข้อตกลงที่ยุติธรรมและยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายความมั่นคงของไทยยังคงประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยย้ำว่าสันติภาพต้องมาพร้อมกับความปลอดภัยของประชาชนและบูรณภาพแห่งดินแดนเป็นสำคัญ