KEY
POINTS
ไทยส่งมอบตัว “เฉอ จื้อเจียง” เจ้าพ่อพนันออนไลน์ชื่อดังให้ทางการจีนในวันพุธที่ 12 พ.ย. 2568 หลังศาลไทยมีคำสั่งยืนยันให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ปิดฉากการต่อสู้คดีทางกฎหมายที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปีเต็ม โดยตำรวจไทยเปิดเผยว่า การส่งตัวครั้งนี้เป็นไปตามหมายจับสากลและหมายแดงขององค์การตำรวจสากล (Interpol) ที่จีนร้องขอให้ไทยจับกุมผู้ต้องหารายนี้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565
เฉอ จื้อเจียง วัย 43 ปี สัญชาติจีน และถือหนังสือเดินทางกัมพูชา ถูกกล่าวหาว่าดำเนินธุรกิจพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย ใช้ประเทศเมียนมาเป็นฐานปฏิบัติการและฟอกเงินผ่านเครือข่ายธุรกิจข้ามชาติ ศาลอาญาของไทยมีคำสั่งให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567 ก่อนที่ศาลอีกแห่งจะมีคำพิพากษายืนยันคำสั่งเดิมในวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังทีมทนายของเช่อยื่นอุทธรณ์
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า “ผู้ต้องหารายนี้ถือเป็นคดีสำคัญของทางการจีน และเป็นเรื่องที่จีนให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ” โดยทางการจีนได้จัดส่งเครื่องบินมารับตัวเช่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อส่งกลับไปดำเนินคดีในประเทศต้นทาง
สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยออกแถลงการณ์ขอบคุณรัฐบาลไทยสำหรับความร่วมมือในกระบวนการส่งตัวครั้งนี้ โดยนายจ้าว เมิ่งเทา ที่ปรึกษาสถานทูตจีนในกรุงเทพฯ กล่าวว่า “นี่คือเครื่องยืนยันถึงระดับความร่วมมือที่แน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ” พร้อมย้ำว่าจีนและไทยจะเดินหน้าร่วมมือกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอาชญากรรมออนไลน์และขบวนการหลอกลวงทางไซเบอร์
อย่างไรก็ตาม ทนายของเฉยระบุว่ากระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนครั้งนี้ “ไม่ปกติ” แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมยืนยันว่าลูกความของตนยังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ก่อนถูกจับ เฉอ จื้อเจียง เคยเป็นเจ้าของอาณาจักรการพนันและบันเทิงขนาดมหึมามูลค่ากว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในนามโครงการ “ชเวโก๊กโก” (Shwe Kokko) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา โครงการดังกล่าวถูกทางการสหรัฐฯ เพ่งเล็งอย่างหนัก โดยกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรบุคคลและบริษัท 9 รายที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายของเช่อ เนื่องจากพัวพันกับขบวนการค้ามนุษย์และหลอกลวงทางออนไลน์ในภูมิภาค
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริเวณชายแดนระหว่างไทย เมียนมา ลาว และกัมพูชา กลายเป็นศูนย์กลางของอาชญากรรมไซเบอร์และการหลอกลวงออนไลน์ขนาดใหญ่ สหประชาชาติรายงานว่า มีเงินหมุนเวียนหลายพันล้านดอลลาร์จากการค้ามนุษย์และบังคับแรงงานนับแสนคนให้ทำงานในคอมเพล็กซ์เหล่านี้