KEY
POINTS
ในขณะที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จีนกลับเดินเกมอีกหนึ่งหมากสำคัญอย่างเงียบแต่ทรงพลัง ด้วยการผลักดันอุตสาหกรรมโดรนหรืออากาศยานไร้คนขับ (UAV) ให้กลายเป็น “กุญแจเศรษฐกิจใหม่” ของประเทศ ผ่านแนวคิด “เศรษฐกิจการบินเพดานต่ำ” (Low-altitude Economy) ที่มุ่งใช้ประโยชน์จากน่านฟ้าต่ำกว่า 3,000 เมตร เพื่อสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจและบริการในหลายมิติ ตั้งแต่เกษตร โลจิสติกส์ ไปจนถึงการขนส่งผู้โดยสารในอนาคต
ข้อมูลจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน (CAAC) ระบุว่า จีนคือผู้นำตลาดโดรนโลกอย่างแท้จริง ทั้งด้านการผลิต การใช้งาน และการถือครองเทคโนโลยี ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 1.62 ล้านราย และโดรนขึ้นทะเบียนกว่า 2.18 ล้านลำ เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีก่อนหน้า จีนยังส่งออกโดรนมากที่สุดในโลกกว่า 3.72 ล้านลำ มูลค่ารวมกว่า 15,000 ล้านหยวน พร้อมครองสิทธิบัตรเทคโนโลยีโดรนมากกว่า 70% ของโลก
แบรนด์สัญชาติจีนอย่าง DJI, Ehang และ Yuneec กลายเป็นผู้นำระดับโลกในตลาดโดรนทั้งเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ขณะที่รัฐบาลจีนวางอุตสาหกรรมนี้เป็นหนึ่งใน “ยุทธศาสตร์ชาติ” เพื่อสร้างเศรษฐกิจยุคใหม่ ล่าสุดได้ปรับกฎระเบียบการบินเพดานต่ำให้ยืดหยุ่นมากขึ้น เปิดทางให้สตาร์ทอัปพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เช่น โดรนโดยสาร หรือ “แท็กซี่อากาศ” (eVTOL) ที่คาดว่าจะให้บริการเชิงพาณิชย์ภายใน 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ มีการประเมินว่า เศรษฐกิจการบินเพดานต่ำของจีนจะมีมูลค่ากว่า 1.5 ล้านล้านหยวนในปี 2568 และพุ่งแตะ 3.5 ล้านล้านหยวนภายในปี 2578
ในระดับมณฑล “กว่างซี” ซึ่งมีพรมแดนติดกับอาเซียน กำลังกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของเศรษฐกิจการบินเพดานต่ำ โดยได้ประกาศแผนพัฒนา พ.ศ.2567-2569 เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมโดรนใน 6 ด้าน ทั้งการสนับสนุนเชิงนโยบาย การสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรม การพัฒนานวัตกรรม และการขยายการใช้งานในหลายฉากทัศน์ เช่น การขนส่งสินค้า การกู้ภัย และเกษตรอัจฉริยะ
นครหนานหนิง เมืองศูนย์กลางของแผนดังกล่าว มีบริษัทกว่า 300 แห่งเข้ามาลงทุน ครอบคลุมทั้งการผลิต การวิจัย และการให้บริการในระบบเศรษฐกิจเพดานต่ำ หนึ่งในโครงการสำคัญคือ “ศูนย์นวัตกรรมเศรษฐกิจการบินเพดานต่ำชิงซิ่ว” ที่รวมบริษัทด้านโดรนกว่า 26 แห่ง เช่น UCAV Aviation และ UAVSKY รวมถึง “ค่ายปฏิบัติการการบินเพดานต่ำเป่ยโถวกว่างซี” ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาเทคโนโลยีครบวงจร ปัจจุบันมีบริษัทเข้าร่วมแล้วกว่า 10 แห่ง และมีนักบินโดรนที่ได้รับใบอนุญาตมากกว่า 1,000 คน
การเติบโตของเศรษฐกิจการบินเพดานต่ำไม่เพียงสร้างรายได้เท่านั้น แต่ยังสร้าง “อาชีพใหม่” จำนวนมาก โดยเฉพาะนักบินโดรน ซึ่งคณะกรรมาธิการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ประเมินว่าอาจเพิ่มขึ้นถึง 1 ล้านคนทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังเกิดตำแหน่งงานเฉพาะทางอื่นๆ เช่น วิศวกร ช่างเทคนิค ช่างซ่อมบำรุง นักวิเคราะห์ข้อมูล และผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ที่เกี่ยวข้องกับระบบอากาศยานไร้คนขับ ซึ่งล้วนเป็นแรงขับสำคัญของเศรษฐกิจเทคโนโลยีในศตวรรษใหม่
สำหรับประเทศไทย โอกาสในการเข้ามามีส่วนร่วมกับเศรษฐกิจโดรนของจีนถือว่าน่าจับตา ไทยสามารถเริ่มต้นจากการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานในนครหนานหนิง ทั้งด้านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีโดรน รวมถึงการต่อยอดสู่ห่วงโซ่การผลิตในประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับศักยภาพของไทยในหลายด้าน เช่น เกษตรแม่นยำ การท่องเที่ยวอัจฉริยะ การจราจรอัจฉริยะ และการจัดการภัยพิบัติ ที่สามารถนำเทคโนโลยีโดรนมาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม
ข้อมูล: สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง