Aprilpoolday แก้เกมนักช้อปจีนหาย รุกตลาดยุโรป-ญี่ปุ่น
Aprilpoolday พลิกเกมสู้นักท่องเที่ยวจีนหดตัวกว่า 30% ปรับกลยุทธ์ เพิ่มไซส์ ดีไซส์ ขยายตลาดยุโรป–ญี่ปุ่น พร้อมแตกไลน์กลุ่ม Ready-to-wear และ Men’s wear ตั้งเป้า 3-5 ปีก้าวสู่อินเตอร์เนชั่นนอล แบรนด์
KEY
POINTS
- เผชิญปัญหากลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งเป็นตลาดหลักหดตัวลงกว่า 30%
- ปรับกลยุทธ์ใหม่โดยหันไปขยายฐานลูกค้าในตลาดยุโรปและญี่ปุ่นเพื่อทดแทน
- รุกตลาดยุโรปด้วยการปรับไซส์ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสรีระและปรับภาพลักษณ์การตลาด
- เจาะตลาดญี่ปุ่นด้วยดีไซน์ที่สนุก มีลูกเล่น แต่ไม่โป๊ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
จากแบรนด์เล็ก ๆ ที่เกิดจากความชอบส่วนตัวของนักออกแบบสาวสายนิเทศศิลป์ วันนี้ “Aprilpoolday” ก้าวสู่ปีที่ 13 ในฐานะแบรนด์ชุดว่ายน้ำสัญชาติไทยที่คนดังหยิบมาใส่จนเกิดไวรัลไปทั่วเอเชีย ส่งออกสู่ตลาดเอเชียและยุโรปกว่า 70% ของยอดขาย พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้าทั่วโลก แม้ต้องเผชิญแรงสั่นสะเทือนจากตลาดจีนที่หดตัวลงกว่า 30%
นางสาวลีลานันทน์ รณเกียรติ ดีไซน์เนอร์และผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์Aprilpoolday เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปีนี้ถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญของธุรกิจ หลังนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มหลักหายไปจากตลาดจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มทัวร์ เหลือแต่เพียงคนรุ่นใหม่ที่นิยมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเอง ทำให้แบรนด์ต้องเร่งปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยหันมาขยายตลาดสู่กลุ่มลูกค้าชาวยุโรปและญี่ปุ่นแทน ด้วยการปรับไซส์ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับชาวยุโรป และปรับภาพลักษณ์การตลาดให้ตอบโจทย์คนต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูงขึ้น
ปัจจุบัน Aprilpoolday มีสาขาในไทย 2 แห่ง คือ กรุงเทพฯและภูเก็ต และมีแผนเปิดร้านที่สยามพารากอนในปีหน้า หลังจากได้รับผลตอบรับดีจากการทำป๊อปอัพสโตร์ต่อเนื่อง โดยแบรนด์ยังเดินหน้าขยายผลิตภัณฑ์จากชุดว่ายน้ำไปสู่ “Ready-to-wear” และ “Men’s wear” เพื่อเพิ่มทางเลือกและขยายฐานลูกค้าด้วย
“เราพบว่ากลุ่มลูกค้าครอบครัวและผู้ชายเติบโตขึ้นมาก โดยเฉพาะลูกค้าที่อยากได้ชุดคู่หรือแนว Family look”
ขณะเดียวกันพบว่า ตลาดที่เติบโตเร็วคือ ญี่ปุ่น แต่ก็เป็นตลาดที่ท้าทายและเต็มไปด้วยรายละเอียด ด้วยพฤติกรรมลูกค้าญี่ปุ่นที่เรียบร้อย ไม่ชอบชุดที่โป๊ แต่ชอบดีไซน์ที่สนุกและมีลูกเล่น ซึ่งการมีพาร์ทเนอร์ญี่ปุ่นมาช่วย ทำให้ทุกอย่างขยายตัวง่ายขึ้น ซึ่งแบรนด์ยังคงเน้นความแตกต่างด้วยการดีไซน์ที่ผสมศิลปะเข้ากับความเข้าใจในสรีระคนเอเชีย การออกแบบจึงต้องเข้าใจและตอบโจทย์
นางสาวลีลานันทน์ ยอมรับว่า ช่วงแรกแบรนด์ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ศิลปินมากกว่าแผนธุรกิจ แต่เมื่อเติบโต เราต้องคิดเรื่องระบบ ทีมงาน และตลาดมากขึ้น วันนี้เราทำงานกันเป็นทีมตั้งแต่ดีไซน์ การตลาด ไปจนถึงการเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะกับคาแรกเตอร์ของแบรนด์ ขณะที่ปัญหาสินค้าก๊อปปี้ กลายเป็นโจทย์ใหญ่โดยเฉพาะจากจีน
ซึ่งพบว่า เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปีที่สองของแบรนด์ ที่โดนตัดราคาขายแค่ร้อยกว่าบาท ขณะที่ของจริงราคาหลักพัน แต่สุดท้ายเราก็เข้าใจว่าลูกค้ากลุ่มนั้นไม่ใช่เป้าหมายของเรา ทางแบรนด์จึงเลือกใช้กลยุทธ์การสื่อสารแทนการเผชิญหน้า โดยสร้างการรับรู้ในช่องทางจำหน่ายของแท้ และร่วมมือกับผู้จัดจำหน่ายในจีนเพื่อจัดการด้านกฎหมาย
อย่างไรก็ดีการก้าวขึ้นมาและสร้างรายได้หลักร้อยล้านบาทต่อปีถือเป็นเรื่องท้าทาย แต่ Aprilpoolday มีแผนผลักดันให้เติบโตต่อเนื่อง 2 หลักทุกปี และตั้งเป้าหมายใน 3-5 ปีข้างหน้า จะก้าวขึ้นเป็น แบรนด์ไทยระดับสากล ที่เข้าใจรูปร่างของคนเอเชียมากที่สุดในโลก ด้วยจุดขายของธุรกิจแฟชั่นไทยที่ผสมผสาน “ศิลปะและกลยุทธ์” ได้อย่างลงตัว