ทรัมป์รุกเอเชียกลาง ดึง 5 ชาติพันธมิตรแร่หายาก ปักธงสกัดอิทธิพลจีน-รัสเซีย

07 พ.ย. 2568 | 04:53 น.
อัปเดตล่าสุด :07 พ.ย. 2568 | 04:54 น.

ทรัมป์เปิดทำเนียบขาวรับผู้นำ 5 ชาติเอเชียกลาง ดันข้อตกลง "แร่สำคัญ" หนุนอเมริกาลดพึ่งจีน-รัสเซีย พร้อมเซ็นดีลสร้างเครือข่ายซัพพลายเชนยุทธศาสตร์ระดับโลก

KEY

POINTS

  • สหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์สร้างพันธมิตรกับ 5 ชาติในเอเชียกลาง เพื่อร่วมมือด้าน "แร่สำคัญ" และแร่หายาก
  • มีเป้าหมายหลักเพื่อลดการพึ่งพาและสกัดอิทธิพลของจีนและรัสเซียในห่วงโซ่อุปทานแร่สำคัญ เช่น ยูเรเนียม
  • เกิดข้อตกลงความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม ทั้งการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านแร่สำคัญ และข้อตกลงทางธุรกิจและการลงทุนระหว่างกัน

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศ “แร่สำคัญ” (Critical Minerals) เป็นวาระแห่งชาติ หลังเปิดทำเนียบขาวต้อนรับผู้นำ 5 ชาติเอเชียกลาง ได้แก่ คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน และอุซเบกิสถาน เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ พลังงาน และความมั่นคงทางทรัพยากร โดยทรัมป์ย้ำว่านี่คือก้าวสำคัญในการขยายห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐฯ ให้มั่นคงและลดการพึ่งพาจีนกับรัสเซีย

ทรัมป์ระบุว่า หนึ่งในหัวข้อหลักของการหารือคือ “แร่สำคัญ” ที่เป็นหัวใจของเศรษฐกิจยุคใหม่ ตั้งแต่ยูเรเนียม ทองแดง ทองคำ ไปจนถึงแร่หายากที่จำเป็นต่อเทคโนโลยีสีเขียวและพลังงานสะอาด พร้อมย้ำว่ารัฐบาลของเขาได้เร่งทำข้อตกลงกับพันธมิตรทั่วโลกเพื่อกระจายแหล่งทรัพยากรสำคัญและเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจของอเมริกา

การพบปะครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันที่ร้อนแรงระหว่างชาติตะวันตก จีน และรัสเซีย ในการเข้าถึงทรัพยากรอันมหาศาลของเอเชียกลาง ซึ่งมีทั้งยูเรเนียม ทองแดง และทองคำ โดยสหรัฐฯ ต้องการใช้โอกาสนี้สร้างเครือข่ายเส้นทางพลังงานและการค้าทางบกที่หลีกเลี่ยงอิทธิพลจากคู่แข่งทางภูมิรัฐศาสตร์

คาสซิม-โจมาร์ต โตกาเยฟ ประธานาธิบดีคาซัคสถาน ระบุว่านี่คือ “การเริ่มต้นยุคใหม่ของความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ และเอเชียกลาง” พร้อมประกาศเข้าร่วมข้อตกลง Abraham Accords เพื่อสานสัมพันธ์กับอิสราเอลและประเทศมุสลิมอื่น ขณะที่ ชัฟคัต มีร์ซิโยเยฟ ผู้นำอุซเบกิสถาน เรียกทรัมป์ว่า “ประธานาธิบดีของโลก” และเสนอจัดตั้งสำนักเลขาธิการถาวรในภูมิภาคเพื่อประสานความร่วมมือระยะยาว

ไม่นานหลังการประชุม ทรัมป์เผยผ่าน Truth Social ว่า อุซเบกิสถานเตรียมลงทุนกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ตลอด 10 ปีข้างหน้า ครอบคลุมอุตสาหกรรมแร่สำคัญ ชิ้นส่วนยานยนต์ และการบิน

ภายใต้กรอบความร่วมมือ C5+1 ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2015 การประชุมครั้งนี้ยังมีการลงนามบันทึกความเข้าใจด้าน “แร่สำคัญ” ระหว่างสหรัฐฯ และ 5 ชาติพันธมิตร โดยมีข้อตกลงทางธุรกิจหลายรายการ เช่น Boeing เตรียมขายเครื่องบินสูงสุด 37 ลำให้กับสายการบินในคาซัคสถาน ทาจิกิสถาน และอุซเบกิสถาน ขณะที่บริษัทสหรัฐฯ อย่าง Cove Capital จะลงทุนทำเหมืองทังสเตนในคาซัคสถาน ภายใต้การสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาล

กราเซลิน บาสคารัน ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และนานาชาติ (CSIS) ระบุว่า สหรัฐฯ ภายใต้ทรัมป์กำลังเดินเกมสองทาง ทั้งผ่านความร่วมมือระดับรัฐต่อรัฐ และดีลเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างฐานการเข้าถึงแร่สำคัญที่มั่นคงในภูมิภาค “ในขณะที่จีนและรัสเซียกำลังฝังรากลึกในระบบเหมืองและโครงสร้างพื้นฐาน สหรัฐฯ จึงต้องสร้างจุดยืนเชิงยุทธศาสตร์ของตนผ่านโครงการที่จับต้องได้” เธอกล่าว

ประเทศในเอเชียกลางทั้ง 5 มีประชากรรวมกว่า 84 ล้านคน และอุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะคาซัคสถานซึ่งเป็นผู้ผลิตยูเรเนียมรายใหญ่ที่สุดของโลก คิดเป็นเกือบ 40% ของผลผลิตทั่วโลกในปี 2024 ขณะที่อุซเบกิสถานติด 1 ใน 5 ผู้ผลิตรายใหญ่ รวมกันแล้วทั้งสองประเทศครองส่วนแบ่งมากกว่าครึ่งของยูเรเนียมโลก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตพลังงานนิวเคลียร์ที่ใช้ผลิตไฟฟ้าในสหรัฐฯ

ปัจจุบัน รัสเซียยังคงเป็นผู้จัดหายูเรเนียมให้สหรัฐฯ ราว 20% ของการนำเข้าทั้งหมด ทำให้การกระจายความเสี่ยงและสร้างพันธมิตรใหม่ในเอเชียกลางกลายเป็นวาระเร่งด่วนสำหรับทรัมป์

นับตั้งแต่กลับเข้าทำเนียบขาว ทรัมป์เดินหน้ากลยุทธ์หลายด้านเพื่อลดการพึ่งพาจีนในแร่สำคัญ เช่น ยูเรเนียม แร่หายาก ทองแดง และไทเทเนียม ซึ่งจีนยังครองความเป็นผู้นำของโลกและเคยใช้ข้อจำกัดการส่งออกเป็นเครื่องมือกดดันทางเศรษฐกิจ การเดินเกมครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงดีลเศรษฐกิจ แต่คือ “ยุทธศาสตร์แร่หายาก” ที่จะกำหนดทิศทางพลังงานและอิทธิพลโลกในทศวรรษต่อไป