KEY
POINTS
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพูธ (29 ต.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน
หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด (FED) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมล่าสุดตามคาด
แต่เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในเดือนธ.ค.นั้น ยังไม่แน่นอน
ในช่วงแรกดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ตามคาด
นอกจากนี้ เฟดประกาศว่าจะยุติการลดขนาดงบดุล หรือยุติการใช้นโยบาย คุมเข้มเชิงปริมาณ (Quantitative Tightening – QT) ในวันที่ 1 ธ.ค. ซึ่งการยุตินโยบาย QT นั้น ถือเป็นการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟด
แต่ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 อ่อนแรงลง หลังจากพาวเวลได้กล่าวอย่างชัดเจนในระหว่างการแถลงข่าวว่า เฟดยังไม่มีข้อสรุปเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในการประชุมเดือนธ.ค.
ในการประชุม FOMC ครั้งนี้ กรรมการเฟดมีความเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการในเดือนธ.ค. ดังนั้น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในการประชุมเดือนธ.ค. จึงยังไม่แน่นอน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ห่างไกลจากความแน่นอน
ทั้งนี้ หลังการแถลงข่าวของพาวเวล นักลงทุนให้น้ำหนัก 71% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งลดลงจากที่เคยให้น้ำหนักสูงถึง 90% ก่อนหน้านี้
ดัชนี Nasdaq ยังคงปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากหุ้น Nvidia ผู้ผลิตชิป AI รายใหญ่ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 3% ส่งผลให้มูลค่าตลาดของบริษัทพุ่งขึ้นแตะระดับ 5.03 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่บริษัทสหรัฐฯ มีมูลค่าตลาดทะลุระดับ 5 ล้านล้านดอลลาร์ และทำให้ Nvidia ยังคงครองตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก