ดาวโจนส์ปิดบวก 515.97 จุด รับผลประกอบการแกร่ง-ชัตดาวน์ใกล้จบ

21 ต.ค. 2568 | 00:39 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ต.ค. 2568 | 00:39 น.

ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 515.97 จุด ขานรับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนแกร่ง และคาดหวังสถานการณ์ชัตดาวน์จะสิ้นสุดลงในสัปดาห์นี้

KEY

POINTS

  • ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดบวกกว่า 500 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีกว่าคาดการณ์
  • นักลงทุนมีความหวังว่าการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์ จะสิ้นสุดลงในสัปดาห์นี้
  • หุ้นกลุ่มการเงินและเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นนำตลาด หลังจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพสินเชื่อของธนาคารระดับภูมิภาค

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดในวันจันทร์ (20 ต.ค.) โดยหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นนำตลาด ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพสินเชื่อของธนาคารระดับภูมิภาคในสหรัฐฯ 

รวมถึงความหวังที่ว่าการชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลจะสิ้นสุดลงในสัปดาห์นี้

  • ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 46,706.58 จุด เพิ่มขึ้น 515.97 จุด หรือ +1.12%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,735.13 จุด เพิ่มขึ้น 71.12 จุด หรือ +1.07% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,990.54 จุด เพิ่มขึ้น 310.57 จุด หรือ +1.37%

บรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงหนุนจากมุมมองบวกเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยสัปดาห์ที่แล้วซึ่งเป็นสัปดาห์แรกของฤดูการเปิดเผยผลประกอบการ บริษัท 76% ของจำนวน 58 แห่งในดัชนี S&P 500 ได้เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2568 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ดาวโจนส์ปิดบวก 515.97 จุด รับผลประกอบการแกร่ง-ชัตดาวน์ใกล้จบ

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ผลกำไรโดยรวมของบริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P500 จะมีการเติบโตที่ 9.3% ในไตรมาส 3/2568 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ระดับ 8.8%

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ Tesla, Netflix, IBM, Intel, GM และ Ford ตลอดจนบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่รายอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงบริษัทด้านการบินและอวกาศ, การขนส่ง และกลุ่มผู้ผลิต

ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูรายงานผลประกอบการของธนาคารระดับภูมิภาคในสหรัฐฯ โดยคาดหวังว่าข้อมูลดังกล่าวจะทำให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนมากขึ้นของภาคส่วนนี้ หลังจากที่ตลาดเผชิญกับการเทขายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับคุณภาพสินเชื่อของธนาคารระดับภูมิภาค

อีกทั้งตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากเควิน แฮสเซ็ตต์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า การปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ มีแนวโน้มสิ้นสุดลงในสัปดาห์นี้ แต่หากยังไม่เกิดขึ้น รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อาจใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้น เพื่อบังคับให้พรรคเดโมแครตให้ความร่วมมือ โดยการแสดงความเห็นของแฮสเซ็ตต์มีขึ้นในขณะที่การชัตดาวน์ย่างเข้าสู่วันที่ 20

นักลงทุนยังคงติดตามการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ โดยสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ จะพบปะกับเหอ ลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ในสัปดาห์นี้ ก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคที่เกาหลีใต้ในช่วงปลายเดือนนี้

นักวิเคราะห์จากบริษัท Loop Capital ระบุว่า ความต้องการ iPhone 17 ที่สูงเกินคาดจะเป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการของ Apple พร้อมกับปรับเพิ่มคำแนะนำการลงทุนในหุ้น Apple สู่ระดับ “Buy” จาก “Hold”

ส่วนหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายอื่น ๆ ดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้น Meta พุ่งขึ้น 2.1%, หุ้น Netflix พุ่งขึ้น 3.2% และหุ้น Alphabet บวก 1.3% ขณะที่ดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia SE Semiconductor Index) พุ่งขึ้น 1.6%

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน หรือ Blackout Period ก่อนที่การประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 28-29 ต.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนก.ย. ในวันนี้ (24 ต.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด