KEY
POINTS
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (23 ต.ค.) หลังจากทำเนียบขาวยืนยันว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในสัปดาห์หน้า
ซึ่งคำยืนยันดังกล่าวช่วยคลายความวิตกกังวล หลังจากตลาดเผชิญกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการพบปะกันระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีดีดตัวขึ้น หลังจากแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวแถลงยืนยันว่า ปธน.ทรัมป์จะออกเดินทางไปยังประเทศมาเลเซียในวันนี้ (24 ต.ค.) และจะไปเยือนญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ด้วย โดยปธน.ทรัมป์จะพบกับปธน.สี จันผิง ในวันพฤหัสบดีที่ 30 ต.ค. หลังจากกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่เกาหลีใต้
นักวิเคราะห์จาก Horizon Investments กล่าวว่า คำยืนยันของทำเนียบขาวช่วยคลายความกังวล หลังจากตลาดเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านการค้าระหว่างสองประเทศในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายงานข่าวล่าสุดที่ระบุว่า คณะบริหารของปธน.ทรัมป์กำลังพิจารณามาตรการควบคุมการส่งออกสินค้าที่ผลิตด้วยซอฟต์แวร์ของสหรัฐฯ ไปยังจีน โดยสินค้าเหล่านี้ครอบคลุมถึงแล็ปท็อปไปจนถึงเครื่องยนต์ไอพ่น เพื่อตอบโต้จีนที่ออกมาตรการจำกัดการส่งออกแร่หายาก
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาด โดยข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า นับจนถึงขณะนี้มีบริษัทในดัชนี S&P500 ประมาณ 1 ใน 4 ที่รายงานผลประกอบการแล้ว โดยในจำนวนนี้มี 86% รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด ส่วนในภาพรวมนั้น นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P500 จะมีอัตราการเติบโตที่ 9.9% ในไตรมาส 3/2568 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ระดับ 8.8%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI จะเพิ่มขึ้น 3.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือนส.ค. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 3.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.1% เช่นกันในเดือนส.ค.