'ปธน.มาดากัสการ์' สั่งยุบรัฐบาล โดนม็อบ Gen Z ประท้วง-เคอร์ฟิวคุมไม่อยู่

30 ก.ย. 2568 | 04:06 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ก.ย. 2568 | 04:49 น.

'ประธานาธิบดีมาดากัสการ์' ประกาศสั่งยุบรัฐบาล หลังม็อบวัยรุ่น Gen Z ประท้วงเดือด แม้ประกาศเคอร์ฟิวก็คุมไม่อยู่ ร้องปมไฟฟ้าดับ-น้ำประปาขัดข้องลุกลาม เสียชีวิตแล้ว 22 ราย เจ็บกว่า 100 ราย UN ชี้ตำรวจใช้ความรุนแรงเกินเหตุ

KEY

POINTS

  • ประธานาธิบดีมาดากัสการ์ แอนดรี ราจอยลินา ประกาศยุบรัฐบาล หลังเผชิญการประท้วงรุนแรงจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Gen Z)
  • สาเหตุการประท้วงเกิดจากความไม่พอใจของประชาชนต่อปัญหาไฟฟ้าดับและน้ำประปาขัดข้องที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน
  • รัฐบาลประกาศใช้เคอร์ฟิวแต่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ การปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
  • ประธานาธิบดีได้กล่าวขอโทษประชาชนและให้คำมั่นว่าจะจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เพื่อเปิดการเจรจากับคนรุ่นใหม่

มาดากัสการ์เผชิญวิกฤตการณ์ประท้วงรุนแรง ประธานาธิบดีแอนดรี ราจอยลินา ประกาศยุบรัฐบาลกลาง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางการประท้วงที่ดุเดือดจากคนรุ่นใหม่ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 ราย และบาดเจ็บกว่า 100 คน

ตามรายงานของสหประชาชาติ การประท้วงนี้ลุกลามจากความไม่พอใจต่อปัญหาน้ำประปาและไฟฟ้าดับที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชนอย่างหนัก และยังได้รับแรงบันดาลใจจากการเคลื่อนไหวของกลุ่ม “Gen Z” ในเคนยาและเนปาล

ในช่วงสามวันที่ผ่านมา เมืองหลวงอันตานานาริโวเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่แต่งตัวเป็นสีดำและชูป้ายเรียกร้องให้ราจอยลินาลาออกจากตำแหน่งท่ามกลางบรรยากาศที่ตึงเครียด ตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางเพื่อสลายการชุมนุม

และมีการประกาศเคอร์ฟิวห้ามออกนอกบ้านในช่วงเย็นถึงเช้าเพื่อควบคุมสถานการณ์ แต่ภาพการชุมนุมยังคงปรากฏอย่างต่อเนื่องทั้งในมหาวิทยาลัยและตามท้องถนน โดยผู้ประท้วงยังคงร้องเพลงชาติและโบกธงสัญลักษณ์ที่มาจากเนปาล ซึ่งเป็นประเทศที่สามารถกดดันให้ผู้นำลาออกได้สำเร็จ

ภาพจาก รอยเตอร์

ประธานาธิบดีมาดากัสการ์ได้กล่าวในรายการโทรทัศน์ของรัฐ ยอมรับความผิดพลาดของรัฐบาลและขอโทษประชาชนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที

ภาพจาก รอยเตอร์

"ผมเข้าใจถึงความโกรธ ความเศร้า และความยากลำบากที่เกิดจากไฟฟ้าดับและน้ำประปาขัดข้อง" เขากล่าว พร้อมยืนยันว่าจะเปิดรับสมัครนายกรัฐมนตรีคนใหม่ภายใน 3 วัน เพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่และสร้างโอกาสให้มีการเจรจากับคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ยังให้คำมั่นว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการปล้นสะดม

อย่างไรก็ตาม สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้ชี้ว่าความรุนแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตบางส่วนมาจากการตอบโต้ของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงที่ใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ขณะที่บางคนเสียชีวิตจากเหตุโจรกรรมและการปล้นสะดมโดยกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ชุมนุม ฝ่ายการต่างประเทศของมาดากัสการ์ได้ออกมาปฏิเสธข้อมูลดังกล่าว โดยระบุว่าตัวเลขของสหประชาชาติอิงจาก “ข่าวลือและข้อมูลผิดพลาด”

ภาพจาก รอยเตอร์

การประท้วงนี้ถือเป็นความท้าทายที่ร้ายแรงที่สุดที่ราจอยลินาต้องเผชิญนับตั้งแต่กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งในปี 2566 หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยขึ้นสู่อำนาจด้วยการทำรัฐประหารในปี 2552 และมีช่วงที่ต้องหายไปจากการเมือง ก่อนจะกลับมาชนะการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2561 มาดากัสการ์ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก มีประวัติทางการเมืองที่เต็มไปด้วยความผันผวนและการลุกฮือของประชาชนมาตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 2503

 

 

ภาพจาก รอยเตอร์