KEY
POINTS
กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กลายเป็นสมรภูมิการเมืองบนท้องถนนสุดร้อนแรง เมื่อผู้ประท้วงขวาจัดจำนวนมหาศาลกว่า 110,000 คน หลั่งไหลเข้าร่วมการเดินขบวน “Unite the Kingdom” ต่อต้านผู้อพยพ นับเป็นหนึ่งในการชุมนุมฝ่ายขวาที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองร่วมสมัยของสหราชอาณาจักร โดยการชุมนุมครั้งนี้เกิดเหตุปะทะเดือดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 26 นาย ในจำนวนนี้มี 4 นายบาดเจ็บสาหัส ขณะที่มีผู้ถูกจับกุมอย่างน้อย 25 ราย
ตำรวจนครบาลลอนดอนเผยว่า การชุมนุมครั้งนี้จัดขึ้นโดย ทอมมี โรบินสัน นักเคลื่อนไหวต่อต้านผู้อพยพชื่อดัง ซึ่งดึงดูดผู้เข้าร่วมสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก บรรยากาศตึงเครียดเมื่อผู้ชุมนุมบางส่วนพยายามฝ่าแนวกั้นที่เจ้าหน้าที่ตั้งขึ้นเพื่อแยกออกจากกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่ายตรงข้ามราว 5,000 คนที่ White Hall ซึ่งรวมตัวกันภายใต้การจัดของกลุ่ม “Stand Up to Racism”
ด้านผู้บัญชาการตำรวจประณามความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่เผชิญว่าเป็น “สิ่งที่ยอมรับไม่ได้” พร้อมยืนยันว่าจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุวุ่นวาย ขณะที่ชาบานา มาห์มูด รัฐมนตรีมหาดไทย ออกแถลงการณ์ประณามการทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและย้ำว่า “ผู้ที่ทำผิดกฎหมายจะต้องเผชิญการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่”
โรบินสัน วัย 42 ปี ปลุกระดมผู้ชุมนุมด้วยการประกาศว่า การเดินขบวนครั้งนี้คือ “การแสดงพลังความเป็นชาติที่ไม่เคยมีมาก่อน” และนิยามว่าเป็น “จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติทางวัฒนธรรมในสหราชอาณาจักร” ผู้ชุมนุมจำนวนมากถือธงชาติอังกฤษ ธงสหราชอาณาจักร รวมถึงธงสหรัฐฯ และอิสราเอล หลายคนสวมหมวก “Make America Great Again” ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ขับเน้นบรรยากาศขวาจัดชัดเจนยิ่งขึ้น
ไฮไลต์ที่สร้างแรงสะเทือนทางการเมืองคือการเข้าร่วมผ่านวิดีโอลิงก์ของอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของ X ที่กล่าวหาว่าการอพยพจำนวนมหาศาลกำลัง “กัดเซาะความเป็นอังกฤษ” พร้อมเรียกร้องให้เปลี่ยนรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีการปรากฏตัวของนักการเมืองขวาจัดยุโรป เช่น เอริก เซอมูร์ จากฝรั่งเศส และ เพเทอร์ บีสตรอน จากพรรค AfD ของเยอรมนี ที่ร่วมขยายแนวคิดทฤษฎีสมคบคิด “Great Replacement” กล่าวหาว่าคนผิวขาวในยุโรปถูกแทนที่โดยผู้อพยพจากอดีตอาณานิคม
ท่ามกลางการเคลื่อนไหวดังกล่าว ฝ่ายต่อต้านนำโดยนักการเมืองสายซ้ายอย่าง ไดแอน แอ็บบอตต์ และ ซารา ซุลตานา ต่างออกมาชี้ว่าโรบินสันกำลังเผยแพร่ “เรื่องโกหกอันตราย” ที่สร้างความเกลียดชังต่อผู้อพยพและผู้ลี้ภัย พร้อมย้ำถึงความจำเป็นในการยืนหยัดปกป้องคุณค่าความเป็นมนุษย์และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในสังคมอังกฤษ
นักวิชาการและองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุว่า การชุมนุมครั้งนี้สะท้อนพลังรวมตัวของหลายกลุ่มขวาจัดที่แตกต่างกัน แต่มีเป้าหมายร่วมคือการต่อต้านผู้อพยพ โดย โจ มัลฮอลล์ จากองค์กร Hope Not Hate ระบุว่านี่อาจเป็น “การชุมนุมฝ่ายขวาที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่สหราชอาณาจักรเคยมีมา”
แม้จำนวนผู้เข้าร่วมมหาศาล แต่ยังถือว่าน้อยกว่าการเดินขบวนสนับสนุนปาเลสไตน์เมื่อพฤศจิกายน 2566 ที่มีผู้เข้าร่วมราว 300,000 คน ทว่าเหตุการณ์ความรุนแรงและการบาดเจ็บจำนวนมากทำให้ม็อบครั้งนี้ถูกจับตาว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในภูมิทัศน์การเมืองของอังกฤษ ซึ่งพรรคการเมืองฝ่ายขวาอย่าง Reform UK กำลังไต่ขึ้นมาเป็นพลังใหม่ในเวทีการเมือง
ขณะที่ เอ็ด เดวี หัวหน้าพรรค Liberal Democrats วิจารณ์การใช้ความรุนแรงและการเข้ามามีบทบาทของ มักส์ว่า “คนพวกนี้ไม่ใช่เสียงแทนของสหราชอาณาจักร” ยิ่งสะท้อนถึงความแตกแยกที่กำลังร้าวลึกในสังคมอังกฤษท่ามกลางปัญหาการอพยพที่ทวีความตึงเครียดมากขึ้นทุกวัน