KEY
POINTS
นายจาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย คนใหม่ ได้เปิดสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก กทม. เมื่อบ่ายวันที่ 11 กันยายน 2568 พบปะกันในงาน "เอกอัครราชทูตพบปะพูดคุยกับสื่อมวลชนไทย เกี่ยวกับอนาคตใหม่ของความร่วมมือไทย-จีน" หลังจากเข้ารับตำแหน่งและยื่นอักษรสาส์นตราตั้งเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2568 โดย "ฐานเศรษฐกิจ" รวมทั้งสื่อในเครือเนชั่น รวมถึงสื่อมวลชนไทยและองค์กรสื่อไทยที่ได้รับเชิญเข้าร่วมงานดังกล่าว
การพบปะครั้งนี้มีความพิเศษ เพราะเป็นการเปิดใจครั้งแรกของ เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ผู้มีอำนาจเต็มคนที่ 14
เอกอัครราชทูตจีน เริ่มต้นด้วยรอยยิ้มและถ้อยคำแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสพูดคุยหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสื่อมวลชนไทย รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการมอบหมายจาก "ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง" มารับตำแหน่งสำคัญนี้ ตระหนักถึงภาระอันหนักอึ้งในการสานต่อความสัมพันธ์อันยาวนานและลึกซึ้งระหว่างสองประเทศ
"จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน (จงไท่อี้เจียชิน)" วลีอมตะนี้ถูกกล่าวถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเอกอัครราชทูตจีนเน้นย้ำว่ามิตรภาพนี้ไม่ใช่เพียงสโลแกน แต่มีรากฐานทางประวัติศาสตร์และสังคมที่แน่นแฟ้นมานานกว่า 1,000 ปี และได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องมาถึงวาระครบรอบ 50 ปี
การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปีนี้ ซึ่งสื่อไทยในอดีตก็มีบทบาทสำคัญในการรายงานข่าวประวัติศาสตร์ครั้งนั้น นับตั้งแต่เดินทางมารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม เอกอัครราชทูตจีนได้พบปะผู้คนหลากหลายวงการในไทย และสัมผัสได้ถึงความจริงใจและความผูกพันที่คนไทยมีต่อจีน
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางภาพลักษณ์แห่งมิตรภาพอันงดงามนี้ ท่านทูตได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนไทยในงานได้สะท้อนถึงข้อกังวลที่อยู่ในใจของทั้งคนไทยและคนจีนเอง
ความกังวลแรก ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือ ประเด็นความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีนในไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันหยุดยาววันชาติจีน 8 วันที่กำลังจะมาถึง ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนหลั่งไหลมาไทยเป็นจำนวนมาก
เอกอัครราชทูตจีนยอมรับว่าเคยมีเพื่อนชาวจีนแสดงความไม่แน่ใจเรื่องความปลอดภัยในไทย ซึ่งสื่อไทยบางท่านก็ได้สะท้อนมุมมองนี้ โดยเฉพาะกรณีการลักพาตัวดาราหนุ่มนาม "หวัง ชิง" ที่เกิดขึ้นเมื่อต้นปีนี้ เอกอัครราชทูตจีนได้ชี้แจงว่าแท้จริงแล้วเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมียนมา แต่กลับถูกสื่อบางแห่งรายงานเกินจริงจนสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย
เอกอัครราชทูตจีนเน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยได้พยายามทำงานอย่างเต็มที่เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนทั้งในด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย สถานเอกอัครราชทูตจีนเองก็ทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย ด้วยเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนชาวจีนเข้าใจความเป็นจริงว่าประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่ปลอดภัยและงดงาม
"บทบาทสำคัญของสื่อมวลชนในการรายงานข่าวในเชิงบวก และไม่บิดเบือนข้อมูล เพื่อส่งเสริมความเข้าใจระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ"ทูตจีน กล่าวถึงบทบาทสื่อมวลชนไทย
ข้อกังวลที่สอง คือ เรื่อง "จีนเทา" และภาพลักษณ์ของผู้ประกอบการจีนบางส่วนที่ถูกมองว่าเข้ามาเอาเปรียบทางเศรษฐกิจในไทย เอกอัครราชทูตจีนไม่ปฏิเสธว่าอาจมีคนจีนบางส่วนเข้ามาทำผิดกฎหมายในไทย แต่เป็นจำนวนน้อยมาก
"ยืนยันว่าบริษัทจีนและนักลงทุนจีนส่วนใหญ่ที่เข้ามาในไทยนั้น มองเห็นสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ดีและมิตรภาพของประชาชน พวกเขามีแนวคิดที่จะ อยู่ไทยเพื่อไทย(อยู่ร่วมกันที่ไทยเพื่อสร้างประโยชน์ให้ไทย) และรัฐบาลจีนก็กำชับให้ปฏิบัติตามกฎหมายไทยอย่างเคร่งครัด สร้างประโยชน์ให้ท้องถิ่น การมองว่าจีนมาเอาเปรียบไทยนั้นเป็นทัศนะเชิงลบที่ไม่ถูกต้องและขอให้สื่อนำเสนอข่าวอย่างรอบด้าน"
ความกังวลที่สาม ที่กลายเป็นกระแสบนโซเชียลมีเดียและเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางคือ ประเทศไทยกำลังตกอยู่ใต้อิทธิพลของจีน หรือจะกลายเป็น "มณฑลไทย" (จังหวัดหนึ่งของจีน)
เอกอัครราชทูต จาง เจี้ยนเว่ย ได้ปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่า ประชาชนชาวไทย 70 ล้านคน และประชาชนชาวจีน 1,400 ล้านคน จะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้"
ย้ำว่าความสัมพันธ์ 2,000 ปี และ 50 ปีทางการทูต ตั้งอยู่บนพื้นฐานของ "ความเท่าเทียมและเคารพซึ่งกันและกัน และนโยบายต่างประเทศของจีนไม่เคยแสวงหาการครอบครองหรือรุกรานประเทศใด
"ข่าวเหล่านี้เป็นข่าวที่ไม่จริง และตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อสร้างความไม่เข้าใจระหว่างประชาชนสองประเทศโดยบางกลุ่มที่ไม่ต้องการเห็นความสัมพันธ์จีน-ไทยพัฒนาไปในทางที่ดี"
นอกจากนี้ สื่อมวลชนไทยหลายท่านยังได้สะท้อน ความต้องการช่องทางการสื่อสารที่เปิดกว้างและสองทางมากขึ้น เอกอัครราชทูต จาง เจี้ยนเว่ย รับฟังทุกข้อเสนอและแสดงความยินดีที่จะใช้ "กลไกโฆษกของสถานเอกอัครราชทูต เพื่อสนทนาอย่างใกล้ชิดกับสื่อมวลชน ตอบคำถามอย่างทันท่วงที และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โฆษกของสถานเอกอัครราชทูตจีนยินดีที่จะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสื่อมวลชน และเอกอัครราชทูตจีนเองก็พร้อมที่จะพบปะกับสื่อมวลชนบ่อยครั้ง
"ผมและเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตพร้อมที่จะพบปะกับสื่อมวลชนบ่อยครั้ง และเชิญชวนให้สื่อไทยเดินทางไปเยี่ยมเยียนประเทศจีนบ่อยๆ เพื่อสัมผัสกับความเป็นจริงของการพัฒนาและความก้าวหน้าของจีน และสร้างความเข้าใจในมิตรภาพจีน-ไทยที่แท้จริง"
ในท้ายที่สุด เอกอัครราชทูตจีนได้ตอกย้ำถึงอนาคตที่สดใสของความสัมพันธ์ไทย-จีน โดยเฉพาะข่าวดีที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จฯ เยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และจะสร้างพลวัตสำคัญให้กับการขับเคลื่อนมิตรภาพจีน-ไทยในอนาคต
เอกอัครราชทูตจีนเชื่อมั่นว่าการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ จะไม่เพียงสร้างความผาสุกและประโยชน์ให้กับประชาชนทั้งสองประเทศ แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคด้วย
"หวังว่าสื่อมวลชนไทยจะร่วมกันจับโอกาสนี้ เพื่อส่งเสริมมิตรภาพจีน-ไทยให้พัฒนาและใกล้ชิดสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น ดังเช่นพี่น้องที่พร้อมจะก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความเข้าใจและความไว้เนื้อเชื่อใจ"