สื่อชั้นนำจากต่างประเทศอย่าง CNA ของสิงคโปร์ และรอยเตอร์ รายงานว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยซึ่งถูกสั่งพักจากตำแหน่ง ได้เดินทางมาที่ศาลรัฐธรรมนูญในวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม เพื่อให้การในคดีที่อาจนำไปสู่การพ้นจากตำแหน่ง โดยถูกกล่าวหาว่าล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่จากการสนทนาทางโทรศัพท์กับสมเด็จฮุน เซน อดีตผู้นำกัมพูชา ซึ่งมีเสียงบันทึกการสนทนาหลุดออกมาเผยแพร่ทางออนไลน์
ศาลรัฐธรรมนูญเคยปลดนายกรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ในคดีจริยธรรมเมื่อหนึ่งปีก่อน และในครั้งนี้จะมีคำวินิจฉัยในวันศุกร์หน้า โดยแพทองธารถูกสั่งพักจากตำแหน่งตั้งแต่เดือนที่แล้ว ก่อนถูกเรียกมาให้การตรงกับวันครบรอบวันเกิดอายุ 39 ปี
แพทองธารปรากฏตัวในชุดสูทสีดำ ยิ้มและทักทายผู้สื่อข่าวระหว่างเดินทางมาศาลที่กรุงเทพฯ โดยมีพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ที่ปรึกษาคนสนิทซึ่งถูกระบุชื่อในคดีนี้ร่วมมาด้วย
คดีนี้มีจุดเริ่มจากการโทรศัพท์เมื่อเดือนมิถุนายนกับฮุนเซน ซึ่งในบทสนทนาแพทองธารเรียกฮุนเซนว่า “ลุง” และพูดถึงผู้บัญชาการทหารไทยว่าเป็น “คู่แข่ง” ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในประเทศไทย
ฝ่ายการเมืองสายอนุรักษ์นิยมกล่าวหาว่าเป็นการก้มหัวต่อกัมพูชาและบ่อนทำลายกองทัพ ซึ่งเป็นสถาบันทรงอิทธิพล ขณะเดียวกันพรรคร่วมรัฐบาลหลักได้ถอนตัวออกจากรัฐบาลเพื่อต่อต้านการกระทำดังกล่าว จนเกือบทำให้รัฐบาลล่มสลาย
กลุ่มสมาชิกวุฒิสภาได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ปลดแพทองธารออกจากตำแหน่ง โดยอ้างว่าละเมิดรัฐธรรมนูญในประเด็น “ความสุจริตอย่างปรากฏชัด” และ “มาตรฐานจริยธรรม” ของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
หากคำตัดสินออกมาไม่เป็นผลดี แพทองธารจะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่สามจากตระกูลชินวัตรที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ต่อจากบิดา ทักษิณ ชินวัตร และอา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นอกจากนี้ การโทรศัพท์กับฮุนเซนยังส่งผลต่อความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาอย่างรุนแรง หลังบทสนทนาถูกเผยแพร่ออนไลน์โดยฮุนเซน และไม่นานหลังจากนั้นข้อพิพาทชายแดนได้ปะทุเป็นการปะทะทางทหารครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 40 ราย และมีประชาชนราว 300,000 คนต้องอพยพออกจากพื้นที่ชายแดน