กต. ซัด 'ฮุน เซน' ละเมิดสิทธิมนุษยชน ปมเสนอปิดด่านไม่ให้คนไทย 7 พันคนกลับ

13 ธ.ค. 2568 | 09:32 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ธ.ค. 2568 | 10:38 น.

รัฐมนตรีฯต่างประเทศ แถลงโต้กัมพูชา หลัง 'ฮุน เซน' เสนอรัฐบาลให้ปิดด่านชั่วคราว ไทยย้ำ 6-7 พันคนติดค้างที่ปอยเปต ชี้การปิดด่านชัดเจนว่าละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

KEY

POINTS

  • กระทรวงการต่างประเทศของไทยประท้วงข้อเสนอของกัมพูชาในการปิดพรมแดน โดยชี้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
  • การปิดด่านส่งผลให้คนไทยประมาณ 6,000-7,000 คนติดค้างอยู่ที่ด่านปอยเปตและไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย
  • ฝ่ายไทยยืนยันว่าปัญหานี้เป็นวิกฤตด้านมนุษยธรรม และเรียกร้องให้เปิดด่านโดยเร่งด่วน แม้ว่ากัมพูชาจะเลื่อนการเปิดด่านชั่วคราวที่ตกลงกันไว้ออกไปโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน

วันนี้ (13 ธ.ค.68) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงชี้แจงท่าทีของไทยต่อข้อเสนอของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่เสนอให้รัฐบาลกัมพูชาพิจารณาระงับการเดินทางข้ามพรมแดนไทย-กัมพูชาชั่วคราว เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน โดยเน้นย้ำว่า การปิดด่านดังกล่าวเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมอย่างชัดเจน

วิกฤตมนุษยธรรมที่ด่านปอยเปต

ประเด็นที่ฝ่ายไทยมีความเป็นห่วงอย่างยิ่งในขณะนี้ คือ สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมบริเวณชายแดน ปัจจุบันมีคนไทยประมาณ 6,000 ถึง 7,000 คน ที่รวมตัวกันอยู่ที่ด่านปอยเปต และต้องการเดินทางกลับเข้าสู่ฝั่งไทย เนื่องจากขาดความมั่นใจในความปลอดภัย

ข้อเสนอของสมเด็จฮุน เซน ที่ระบุให้มีการระงับการเดินทางข้ามพรมแดนชั่วคราว ครอบคลุมทั้งชาวกัมพูชาและชาวไทย ทั้งการท่องเที่ยว การค้าชายแดน และการสัญจรทั่วไป จนกว่าจะมีการตกลงหยุดยิง และระบุว่าพลเมืองไทยที่พำนักในกัมพูชาจะต้องอาศัยอยู่ในกัมพูชาต่อไปเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการเคลื่อนย้ายในช่วงสถานการณ์อ่อนไหว

ไทยชี้ชัด: เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า ปัญหาการปิดด่านในขณะนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับความขัดแย้งด้านการทหารที่ประสบอยู่ แต่เป็นเรื่องของมนุษยธรรม

ฝ่ายไทยได้ดำเนินการอำนวยความสะดวกให้ชาวกัมพูชาที่ต้องการเดินทางกลับประเทศไปแล้วทั้งหมด และพร้อมที่จะให้ผู้ที่ต้องการกลับเดินทางกลับได้อีกโดยไม่มีปัญหา แต่ปัญหาคือขณะนี้ฝ่ายกัมพูชาไม่ยอมเปิดด่าน

นอกจากนี้ การระงับการเดินทางข้ามเขตแดนทั้งหมด นั้นถือเป็นการกระทำที่ชัดเจนว่าเป็นการละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน และการละเมิดหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law) อย่างชัดเจน ภายใต้กติกาและพันธกรณีระหว่างประเทศที่ทั้งสองประเทศได้ให้คำมั่นไว้

ฝ่ายไทยถือว่าประเด็นความปลอดภัยของประชาชนเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด โดยต้องการให้ประชาชนที่ติดค้างได้เดินทางกลับมายังประเทศไทย

ทั้งนี้ เดิมทีไทยและกัมพูชามีการเจรจาและตกลงกันว่าจะมีการเปิดด่านชั่วคราวในช่วงบ่ายของวันนี้ (13:00 น. ถึง 16:00 น.) แต่ปรากฏว่าฝ่ายกัมพูชาได้ขอเลื่อนการเปิดด่านออกไปก่อน, โดยไม่มีการให้เหตุผลที่ชัดเจน

กต. ซัด 'ฮุน เซน' ละเมิดสิทธิมนุษยชน ปมเสนอปิดด่านไม่ให้คนไทย 7 พันคนกลับ

ด้าน "ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา" ออกแถลงการณ์วันที่ 13 ธันวาคม 2568 เวลา 16.00 น. ระบุว่า คำชี้แจงอย่างเป็นทางการ ต่อแถลงการณ์ล่าสุดของ สมเด็จฯ ฮุน เซ็น ประเทศไทยยืนยันการยึดมั่นกฎหมายระหว่างประเทศ การคุ้มครองพลเรือน และกระบวนการหยุดยิง

รัฐบาลไทยได้รับทราบถ้อยแถลงสาธารณะล่าสุดของ สมเด็จฯ ฮุน เซน ซึ่งมีการกล่าวอ้างถึงประเทศไทย และจำกัดการเดินทางข้ามแดนของพลเรือนไทย ประเทศไทย
ขอชี้แจงต่อประชาคมโลก คณะทูต และสาธารณชน ดังนี้

1. ถ้อยแถลงดังกล่าวเป็นคำกล่าวฝ้ายเดียวและยังขาดหลักฐานยืนยันจากกลไกใด ๆ ประเทศไทยจึงขอปฏิเสธต่อข้อกล่าวหาเรื่องการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมาย การใช้อาวุธต้องห้ามหรือการทำร้ายพลเรือน

2. พลเรือนไม่ใช่คู่ขัดแย้งตามหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ พลเรือนถือเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบ (Non-combatants) และต้องไม่ถูกปฏิบัติราวกับเป็นคู่ขัดแย้ง การกระทำใด ๆ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมที่เป็นการจำกัดเสรีภาพการเดินทางของพลเรือน บังคับให้พลเรือน
ต้องพำนักอยู่ในพื้นที่ความขัดแย้ง หรือใช้พลเรือนเป็นเครื่องมือทางการเมือง ขัดต่อหลักการพื้นฐานของอนุสัญญาเจนีวา

3. การปฏิบัติของไทยเป็นไปด้วยความยับยั้งชั่งใจ การดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามหลักความจำเป็น ได้สัดส่วน และการแยกแยะเป้าหมายทางทหารกับพลเรือนอย่างเคร่งครัด เพื่อการป้องกันตนเองโดยชอบธรรมเท่านั้น ประเทศไทยให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยของพลเรือนทั้งสองฝ่ายตามแนวชายแดน

4. ขอให้ใช้การสื่อสารอย่างมีความรับผิดชอบ การใช้ถ้อยคำที่รุนแรงหรือมีลักษณะคุกคามอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด เกิดการยกระดับสถานการณ์ และสร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชนโดยไม่จำเป็นประเทศไทยขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้การสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ สุขุม และสอดคล้องกับหลักสากลประเทศไทยยังคงยึดมั่นในสันติภาพ และหลักนิติธธรรม พร้อมทั้งจะปกป้องอธิปไตยเพื่อความมั่นคง และความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ รัฐบาลไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับประชาคมโลก เพื่อสร้างความโปร่งใส คุ้มครองพลเรือน และนำไปสู่การยุติการสู้รบอย่างยั่งยืงยืน