KEY
POINTS
วันนี้ (13 ธ.ค.68) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงชี้แจงท่าทีของไทยต่อข้อเสนอของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่เสนอให้รัฐบาลกัมพูชาพิจารณาระงับการเดินทางข้ามพรมแดนไทย-กัมพูชาชั่วคราว เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน โดยเน้นย้ำว่า การปิดด่านดังกล่าวเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมอย่างชัดเจน
ประเด็นที่ฝ่ายไทยมีความเป็นห่วงอย่างยิ่งในขณะนี้ คือ สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมบริเวณชายแดน ปัจจุบันมีคนไทยประมาณ 6,000 ถึง 7,000 คน ที่รวมตัวกันอยู่ที่ด่านปอยเปต และต้องการเดินทางกลับเข้าสู่ฝั่งไทย เนื่องจากขาดความมั่นใจในความปลอดภัย
ข้อเสนอของสมเด็จฮุน เซน ที่ระบุให้มีการระงับการเดินทางข้ามพรมแดนชั่วคราว ครอบคลุมทั้งชาวกัมพูชาและชาวไทย ทั้งการท่องเที่ยว การค้าชายแดน และการสัญจรทั่วไป จนกว่าจะมีการตกลงหยุดยิง และระบุว่าพลเมืองไทยที่พำนักในกัมพูชาจะต้องอาศัยอยู่ในกัมพูชาต่อไปเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการเคลื่อนย้ายในช่วงสถานการณ์อ่อนไหว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า ปัญหาการปิดด่านในขณะนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับความขัดแย้งด้านการทหารที่ประสบอยู่ แต่เป็นเรื่องของมนุษยธรรม
ฝ่ายไทยได้ดำเนินการอำนวยความสะดวกให้ชาวกัมพูชาที่ต้องการเดินทางกลับประเทศไปแล้วทั้งหมด และพร้อมที่จะให้ผู้ที่ต้องการกลับเดินทางกลับได้อีกโดยไม่มีปัญหา แต่ปัญหาคือขณะนี้ฝ่ายกัมพูชาไม่ยอมเปิดด่าน
นอกจากนี้ การระงับการเดินทางข้ามเขตแดนทั้งหมด นั้นถือเป็นการกระทำที่ชัดเจนว่าเป็นการละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน และการละเมิดหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law) อย่างชัดเจน ภายใต้กติกาและพันธกรณีระหว่างประเทศที่ทั้งสองประเทศได้ให้คำมั่นไว้
ฝ่ายไทยถือว่าประเด็นความปลอดภัยของประชาชนเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด โดยต้องการให้ประชาชนที่ติดค้างได้เดินทางกลับมายังประเทศไทย
ทั้งนี้ เดิมทีไทยและกัมพูชามีการเจรจาและตกลงกันว่าจะมีการเปิดด่านชั่วคราวในช่วงบ่ายของวันนี้ (13:00 น. ถึง 16:00 น.) แต่ปรากฏว่าฝ่ายกัมพูชาได้ขอเลื่อนการเปิดด่านออกไปก่อน, โดยไม่มีการให้เหตุผลที่ชัดเจน
ด้าน "ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา" ออกแถลงการณ์วันที่ 13 ธันวาคม 2568 เวลา 16.00 น. ระบุว่า คำชี้แจงอย่างเป็นทางการ ต่อแถลงการณ์ล่าสุดของ สมเด็จฯ ฮุน เซ็น ประเทศไทยยืนยันการยึดมั่นกฎหมายระหว่างประเทศ การคุ้มครองพลเรือน และกระบวนการหยุดยิง
รัฐบาลไทยได้รับทราบถ้อยแถลงสาธารณะล่าสุดของ สมเด็จฯ ฮุน เซน ซึ่งมีการกล่าวอ้างถึงประเทศไทย และจำกัดการเดินทางข้ามแดนของพลเรือนไทย ประเทศไทย
ขอชี้แจงต่อประชาคมโลก คณะทูต และสาธารณชน ดังนี้
1. ถ้อยแถลงดังกล่าวเป็นคำกล่าวฝ้ายเดียวและยังขาดหลักฐานยืนยันจากกลไกใด ๆ ประเทศไทยจึงขอปฏิเสธต่อข้อกล่าวหาเรื่องการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมาย การใช้อาวุธต้องห้ามหรือการทำร้ายพลเรือน
2. พลเรือนไม่ใช่คู่ขัดแย้งตามหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ พลเรือนถือเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบ (Non-combatants) และต้องไม่ถูกปฏิบัติราวกับเป็นคู่ขัดแย้ง การกระทำใด ๆ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมที่เป็นการจำกัดเสรีภาพการเดินทางของพลเรือน บังคับให้พลเรือน
ต้องพำนักอยู่ในพื้นที่ความขัดแย้ง หรือใช้พลเรือนเป็นเครื่องมือทางการเมือง ขัดต่อหลักการพื้นฐานของอนุสัญญาเจนีวา
3. การปฏิบัติของไทยเป็นไปด้วยความยับยั้งชั่งใจ การดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามหลักความจำเป็น ได้สัดส่วน และการแยกแยะเป้าหมายทางทหารกับพลเรือนอย่างเคร่งครัด เพื่อการป้องกันตนเองโดยชอบธรรมเท่านั้น ประเทศไทยให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยของพลเรือนทั้งสองฝ่ายตามแนวชายแดน
4. ขอให้ใช้การสื่อสารอย่างมีความรับผิดชอบ การใช้ถ้อยคำที่รุนแรงหรือมีลักษณะคุกคามอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด เกิดการยกระดับสถานการณ์ และสร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชนโดยไม่จำเป็นประเทศไทยขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้การสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ สุขุม และสอดคล้องกับหลักสากลประเทศไทยยังคงยึดมั่นในสันติภาพ และหลักนิติธธรรม พร้อมทั้งจะปกป้องอธิปไตยเพื่อความมั่นคง และความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ รัฐบาลไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับประชาคมโลก เพื่อสร้างความโปร่งใส คุ้มครองพลเรือน และนำไปสู่การยุติการสู้รบอย่างยั่งยืงยืน