กระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์แสดงความกังวลอย่างยิ่งเมื่อวันอังคาร (12 ส.ค.) ต่อสิ่งที่เรียกว่า “การเคลื่อนไหวอันตรายและการแทรกแซงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” ของเรือจีน ระหว่างภารกิจส่งเสบียงให้ชาวประมงฟิลิปปินส์ในพื้นที่สการ์โบโรห์ โชล ทะเลจีนใต้ เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ (11 ส.ค.) ขณะหน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์ (PCG) ส่งเรือ 3 ลำไปส่งเชื้อเพลิงและน้ำแข็งให้ชาวประมงหลายสิบคนในพื้นที่พิพาท แต่ถูกเรือจีนขัดขวางและกีดกันการปฏิบัติภารกิจ
แถลงการณ์กระทรวงฯ ระบุว่า พฤติกรรมดังกล่าวไม่เพียงสร้างอันตรายร้ายแรงต่อเจ้าหน้าที่และเรือฟิลิปปินส์ แต่ยังนำไปสู่เหตุเรือจีน 2 ลำชนกันเอง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีรายงานการชนกันระหว่างเรือจีนในพื้นที่นี้ ภาพจาก PCG แสดงให้เห็นเรือตำรวจน้ำจีนลำหนึ่งตามหลังเรือ PCG ก่อนที่เรือรบกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA Navy) จะตัดหน้าและพุ่งชน จนส่วนหัวเรือยามฝั่งฟิลิปปินส์ได้รับความเสียหาย
พลเอกโรเมโอ บราวน์เนอร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดฟิลิปปินส์ กล่าวว่า จากการประเมินของทั้งกองทัพและหน่วยยามฝั่ง เป้าหมายจริงของเรือรบจีนคือการพุ่งชนเรือ PCG การกระทำดังกล่าวยังได้รับเสียงประณามจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรตามสนธิสัญญากับฟิลิปปินส์ โดยเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงมะนิลา แมรีเคย์ คาร์ลสัน โพสต์บน X ประณามการกระทำที่ “หุนหันพลันแล่น” ของจีน พร้อมชื่นชมความเป็นมืออาชีพของ PCG และข้อเสนอให้ความช่วยเหลือ
ด้านหน่วยยามฝั่งจีนระบุเมื่อวันจันทร์ว่า ได้ใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อขับไล่เรือฟิลิปปินส์ออกจากน่านน้ำรอบสการ์โบโรห์ โชล โดยกระทรวงกลาโหมจีนและสถานทูตจีนในมะนิลาไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอให้แสดงความคิดเห็น
เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นความตึงเครียดล่าสุดในข้อพิพาทดินแดนระหว่างมะนิลากับปักกิ่ง แม้ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศจะมีคำตัดสินเมื่อปี 2559 ปฏิเสธข้ออ้างสิทธิ์ครอบครองเกือบทั้งหมดของจีนในทะเลจีนใต้ โดยชี้ว่าไม่มีพื้นฐานตามกฎหมายระหว่างประเทศ แต่จีนยังคงไม่ยอมรับคำตัดสินดังกล่าว
โฆษก PCG เจย์ ทาร์เรียลา เปิดเผยว่า PCG ได้เสนอความช่วยเหลือด้านการแพทย์และค้นหา-กู้ภัยทางวิทยุ แต่ไม่มีการตอบกลับจากฝ่ายจีน และยังไม่ยืนยันว่ามีลูกเรือจีนได้รับบาดเจ็บหรือไม่ พร้อมย้ำเหตุการณ์นี้สะท้อนความจำเป็นในการยึดถือกฎระเบียบทางทะเลระหว่างประเทศ
พลเรือตรีรอย ทรินิแดด โฆษกกองทัพเรือฟิลิปปินส์ด้านทะเลจีนใต้ เตือนว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้อาจเกิดขึ้นอีก หากจีนยังคงดำเนินกิจกรรมที่เขาเรียกว่า “ผิดกฎหมาย บีบบังคับ ก้าวร้าว และหลอกลวง” ในเส้นทางน้ำเชิงยุทธศาสตร์แห่งนี้