น้ำมันโลกเสี่ยงพุ่ง ทรัมป์ขึ้นภาษีอินเดีย 50% ปมซื้อน้ำมันรัสเซีย

06 ส.ค. 2568 | 23:13 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ส.ค. 2568 | 23:45 น.

อินเดียเคยถูกสหรัฐฯ ขอให้ช่วยซื้อน้ำมันรัสเซีย เพื่อพยุงราคาตลาดโลก แต่วันนี้กลับถูกกล่าวหาว่าหนุนสงครามลงดาบขึ้นภาษี 50% นักวิเคราะห์เตือน หากหยุดซื้อจริง ราคาน้ำมันอาจพุ่งทะลุ 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เพิ่มแรงกดดันต่ออินเดียเมื่อวันพุธ (6 สิงหาคม 2568) โดยประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียอีก 25% ทำให้อัตราภาษีรวมอยู่ที่ 50% พร้อมเรียกร้องให้อินเดียหยุดซื้อน้ำมันจากสหพันธรัฐรัสเซียทันที ซึ่งอาจกระตุ้นให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวในอุตสาหกรรมน้ำมันที่ให้สัมภาษณ์กับ CNBC

ทรัมป์กล่าวหาว่า อินเดียกำลังหล่อเลี้ยงเครื่องจักรสงครามของรัสเซียโดยตรงหรือโดยอ้อม ผ่านการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย แม้น้ำมันดิบจากรัสเซียจะไม่อยู่ภายใต้การคว่ำบาตรโดยตรง แต่ถูกจำกัดราคาขายเพื่อควบคุมรายได้ของรัฐบาลรัสเซีย

ข้อมูลจาก Kpler ระบุว่า รัสเซียส่งออกน้ำมันดิบวันละราว 3.35 ล้านบาร์เรล โดยอินเดียรับซื้อราว 1.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่จีนรับซื้อ 1.1 ล้านบาร์เรล ทำให้อินเดียกลายเป็นหนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ของรัสเซีย

บ็อบ แมคนัลลี ประธานบริษัท Rapidan Energy Group และอดีตที่ปรึกษาด้านพลังงานของทำเนียบขาวในยุคประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า  หลังจากรัสเซียบุกยูเครน โจ ไบเดน เดินทางไปอินเดียและขอร้องให้ซื้อน้ำมันรัสเซีย เพราะในตอนนั้นอินเดียแทบไม่ซื้อน้ำมันจากรัสเซียเลย และสหรัฐฯ ต้องการควบคุมราคาน้ำมันให้ต่ำไว้ ซึ่งอินเดียก็ทำตาม แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ากลับลำ มาต่อว่าทำไมถึงซื้อมากขนาดนี้

แหล่งข่าวในภาคพลังงานของอินเดียระบุว่า ประเทศได้ปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรระหว่างประเทศทั้งหมด และการซื้อน้ำมันจากรัสเซียนั้นเป็นการช่วยรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันในตลาดโลก เเละยังเตือนว่า หากอินเดียหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซีย อาจทำให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งทะลุ 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้

แหล่งข่าวคนหนึ่งกล่าวกับ CNBCว่า หากอินเดียหยุดซื้อน้ำมันรัสเซียในวันนี้ ราคาน้ำมันทั่วโลกอาจพุ่งเกิน 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลสำหรับผู้บริโภคทั่วโลก

อินเดียชี้ว่า หากต้องหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซียจริง ต้องมีแผนรองรับเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดพลังงาน และต้องมีการจัดหาน้ำมันทดแทนจากแหล่งอื่น เช่น ตะวันออกกลาง

น้ำมันดิบรัสเซียถูกกำหนดเพดานราคาที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลโดยกลุ่ม G7 และสหภาพยุโรป (EU) ตั้งแต่ปี 2022 หลังบุกยูเครน โดยนโยบายนี้มีเป้าหมายเพื่อลดรายได้ของรัฐบาลรัสเซีย แต่ยังคงให้น้ำมันรัสเซียอยู่ในตลาด เพื่อตรึงราคาน้ำมัน

แหล่งข่าวในภาคน้ำมันของอินเดียระบุว่า ราคาน้ำมันที่อินเดียซื้อนั้นไม่ได้มีส่วนลดมากนัก และต่างจาก LNG ของรัสเซียซึ่งยังไม่ถูกคว่ำบาตรโดยตรง โดยบางส่วนยังถูกซื้อขายในยุโรป

ภาษี เครื่องมือเจรจาเพื่อแย่งตลาดคืน

ผู้ก่อตั้งและประธาน SVB Energy International วิเคราะห์ว่า มาตรการขึ้นภาษีของทรัมป์เป็นกลยุทธ์เจรจาเพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดน้ำมันของสหรัฐฯ ที่หายไปจากอินเดียตั้งแต่ปี 2022 และเพื่อเพิ่มการส่งออกสินค้าอื่น ๆ ของสหรัฐฯ ไปยังอินเดีย

อินเดียมักประสานงานกับสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดในนโยบายพลังงาน รวมถึงการคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่าน ขณะเดียวกัน รัฐบาลทรัมป์ให้ความสำคัญกับความมั่นคง ราคา และความเชื่อถือได้ของพลังงานเป็นหลัก

ราคาน้ำมัน เสี่ยงเพิ่ม แต่ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต

ระยะสั้น ราคาน้ำมันเบรนต์อาจดีดขึ้นถึง 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากภาษีและความกังวลด้านอุปทาน แต่ไม่น่าจะวิกฤตรุนแรงทันที

ขณะที่ ยูบีเอสวิเคราะห์ว่า หากอุปทานน้ำมันจากรัสเซียหายไปจากตลาดจริง กลุ่มโอเปกพลัสแม้มีศักยภาพสำรอง แต่ก็อาจไม่พอรองรับทั้งปริมาณที่หายไป

ทั้งนี้ล่าสุด กลุ่มโอเปกพลัสเพิ่งประกาศปรับเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนกันยายน เพื่อลดแรงกดดันจากความกังวลเรื่องอุปทาน

สัมพันธ์สหรัฐฯ อินเดีย ส่อเปราะบาง

แม้สหรัฐฯ จะถือว่าอินเดียเป็นพันธมิตรสำคัญด้านความมั่นคง แต่การเคลื่อนไหวล่าสุดของทรัมป์อาจทำให้ความสัมพันธ์สองประเทศสะเทือน

ก่อนขึ้นภาษีครั้งล่าสุด ทรัมป์กล่าวกับ CNBC ว่า อินเดียไม่ใช่คู่ค้าที่ดีนักขณะที่รัฐบาลอินเดียออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า คำกล่าวหาของทรัมป์ไม่ยุติธรรมและไร้เหตุผลพร้อมย้ำว่า การซื้อน้ำมันรัสเซียที่ผ่านมา เป็นไปด้วยการสนับสนุนจากสหรัฐฯ เอง