ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (8 ก.ค.) โดยตลาดยังคงถูกกดดันจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากบรรดาประเทศคู่ค้า และล่าสุดทรัมป์ยืนยันว่าจะไม่ขยายเส้นตายในการบังคับใช้อัตราภาษีศุลกากรใหม่ที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 ส.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงต่อเนื่องจากวันจันทร์ หลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศอัตราภาษีใหม่ที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บจากสินค้านำเข้าของประเทศคู่ค้า ซึ่งรวมถึงหลายประเทศในเอเชียอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.เป็นต้นไป
และล่าสุดทรัมป์โพสต์ข้อความบน Truth Social ในวันอังคารเพื่อยืนยันว่า สหรัฐฯ จะไม่ขยายเส้นตายในการบังคับใช้อัตราภาษีศุลกากรใหม่ที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 ส.ค.
ทรัมป์ยังระบุด้วยว่า จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าทองแดงในอัตรา 50% และมีแผนที่จะเก็บภาษีในอัตราที่สูงมากในกลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะทางอื่นตามมาอีกในเร็ว ๆ นี้
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า จะประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ายาในอัตราที่สูงมาก โดยอาจจะเป็น 200% ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งบริษัทผลิตยาจะมีเวลาหนึ่งปีครึ่งในการเริ่มต้นการผลิตในสหรัฐฯ ก่อนที่ภาษีนำเข้าดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยนักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการเจรจาการค้า ท่ามกลางรายงานข่าวที่ว่าหลายประเทศซึ่งรวมถึงญี่ปุ่นและเกาหลีใต้กำลังพยายามเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ เพื่อขอให้มีการปรับลดอัตราภาษีก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 1 ส.ค.
ขณะเดียวกันทรัมป์เปิดเผยว่าการเจรจาการค้ากับสหภาพยุโรป (EU) และจีนเป็นไปด้วยดี แต่ก็กล่าวว่ามีเวลาอีกเพียงไม่กี่วันก็จะส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีให้กับ EU
สำหรับหุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลง 1.09% และ 1.07% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุด โดยพุ่งขึ้น 2.72% ตามด้วยหุ้นกลุ่มวัสดุเพิ่มขึ้น 0.53%
ส่วนหุ้นรายตัวนั้น หุ้นฟรีพอร์ท-แมคโมแรน (Freeport-McMoRan) ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองทองแดงรายใหญ่ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 2.5% ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าบริษัทผลิตทองแดงของสหรัฐฯ จะได้ประโยชน์จากการที่ปธน.ทรัมป์เรียกเก็บภาษีนำเข้าทองแดงในอัตราสูง
หุ้นโมเดอร์นา (Moderna) พุ่งขึ้น 8.8% หลังจากมีรายงานว่าองค์กรทางการแพทย์ชั้นนำยื่นได้ฟ้องโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ (HHS) ของสหรัฐฯ โดยระบุว่านโยบายวัคซีนโควิด-19 ในปัจจุบันเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของประชาชน
ที่ผ่านมานั้น เคนเนดีได้พยายามปรับโครงสร้างและปลดเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานสาธารณสุขของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ