กต. เผยความคืบหน้าช่วยเหลือคนไทยในตะวันออกกลาง สถานการณ์ตึงเครียด-น่านฟ้าปิด

23 มิ.ย. 2568 | 09:02 น.
อัปเดตล่าสุด :23 มิ.ย. 2568 | 09:07 น.

กระทรวงต่างประเทศเผยความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลและอิหร่าน ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ย้ำยังไม่มีผลกระทบจากการที่สหรัฐฯ ร่วมรบ

วันที่ 23 มิถุนายน 2568 กระทรวงการต่างประเทศ โดยนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงฯ ได้แถลงข่าวความคืบหน้าการดำเนินการช่วยเหลือคนไทยในภูมิภาคตะวันออกกลาง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังเปราะบางและมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเน้นย้ำถึงภารกิจสำคัญในการอพยพคนไทยออกจากพื้นที่เสี่ยงในอิสราเอลและอิหร่าน ผ่านการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างสถานเอกอัครราชทูตไทยในแต่ละประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ในส่วนของอิสราเอล ทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ประสานกับฝ่ายแรงงานและบริษัทก่อสร้าง ส่งคนไทยชุดแรกจำนวน 22 คน ออกนอกประเทศทางบกเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน และมีกำหนดเดินทางถึงไทยในช่วงค่ำวันที่ 23 มิถุนายน ขณะเดียวกันยังมีแผนช่วยเหลือคนไทยอีก 12 คนที่ประสงค์เดินทางออก โดยแบ่งเป็น 9 คนที่มีกำหนดออกในวันที่ 25 มิถุนายน และอีก 3 คนในวันที่ 3 กรกฎาคม

นอกจากนี้ สถานทูตไทยยังอยู่ระหว่างการหารือกับบริษัทจัดหางานภาคการก่อสร้างในอิสราเอลถึงความเป็นไปได้ในการอพยพคนไทยในอุตสาหกรรมก่อสร้างอีกประมาณ 3,000 คนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรอดูสถานการณ์หรือเดินทางกลับประเทศไทย

สำหรับในอิหร่าน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะรานได้ให้ความช่วยเหลือคนไทยชุดแรกจำนวน 3 คน เดินทางออกทางบกโดยปลอดภัยแล้วตั้งแต่คืนวันที่ 21 มิถุนายน พร้อมทั้งเตรียมแผนอพยพคนไทยอีก 73 คนจากเมืองต่างๆ ที่ประสงค์ออกจากอิหร่านผ่านประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากสถานการณ์ในประเทศเริ่มมีความเสี่ยงสูง

เพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน สถานทูตไทยได้จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว ณ โรงแรม Elite World Van เมือง Van ประเทศตุรกี ซึ่งตั้งอยู่ใกล้พรมแดนอิหร่าน และยังคงเปิดสายด่วนฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงให้กับคนไทยที่ต้องการความช่วยเหลือ

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศย้ำว่า สถานการณ์ในทั้งสองประเทศยังมีความไม่แน่นอนสูง น่านฟ้ายังคงปิด จึงยังไม่สามารถใช้วิธีอพยพทางอากาศได้ในขณะนี้ การเคลื่อนย้ายคนไทยออกจากพื้นที่ต้องใช้เส้นทางบกผ่านประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจใช้เวลานานเนื่องจากต้องหลีกเลี่ยงเส้นทางเสี่ยงภัย

นายนิกรเดชกล่าวว่า แม้สถานการณ์จะตึงเครียด แต่ไทยยังไม่มีท่าทีเปลี่ยนแปลงจากความเป็นกลางต่อความขัดแย้งในตะวันออกกลาง แม้สหรัฐฯ จะประกาศเข้าร่วมสงคราม โดยระบุว่าในชั้นนี้ยังไม่มีผลกระทบต่อไทย และการช่วยเหลือคนไทยในพื้นที่ยังสามารถดำเนินการได้โดยไม่มีแรงกดดันจากฝ่ายใด

กระทรวงการต่างประเทศยังเน้นย้ำให้คนไทยในอิสราเอลและอิหร่านพิจารณาเดินทางออกจากพื้นที่โดยเร็วเพื่อความปลอดภัย พร้อมแนะนำให้ประชาชนติดตามข่าวสารและประกาศของสถานเอกอัครราชทูตอย่างใกล้ชิด และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “Thai Consular” เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการติดต่อขอความช่วยเหลือ

สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงหรือมีคนรู้จักอยู่ในภูมิภาคดังกล่าว สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศนั้นๆ ได้ตลอดเวลา เพื่อรับข้อมูลล่าสุดและแนวทางปฏิบัติที่ปลอดภัยที่สุด ในช่วงเวลาที่ความเปราะบางของสถานการณ์อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจคาดเดาได้ทุกเมื่อ

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศยังระบุเพิ่มเติมว่า ทีมงานจากไทยได้ถูกส่งเข้าไปสนับสนุนภารกิจของสถานทูตไทยในอิสราเอลเรียบร้อยแล้ว เพื่อรองรับกรณีที่มีความต้องการอพยพจำนวนมาก โดยมีแผนรองรับและเส้นทางสำรองที่ถูกประเมินแล้วว่าปลอดภัยมากที่สุด แม้อาจต้องใช้เวลาเดินทางนานกว่าปกติก็ตาม

ท่ามกลางวิกฤตในตะวันออกกลาง ไทยยังคงดำรงบทบาทเป็นกลางในเวทีระหว่างประเทศ พร้อมกับยึดหลักมนุษยธรรมสูงสุดในการปกป้องชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนคนไทยทุกคนในพื้นที่เสี่ยง โดยไม่ลังเลที่จะดำเนินการหากสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องอพยพในวงกว้าง

ขณะที่สถานทูตและเจ้าหน้าที่ภาคสนามปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง รัฐบาลไทยยังคงเดินหน้าติดตามสถานการณ์รายชั่วโมง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับทุกความเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคนี้อย่างรอบคอบและทันท่วงที

 

ช่องทางติดต่อฉุกเฉิน

อิสราเอล

สถานเอกอัครราชทูต ณ เทลอาวีฟ

+972 5406368150

 

อิหร่าน

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน

+98 912 159 8699

+98 912 500 7933