เจาะลึก 'Huione Group' บริษัทหลานฮุน เซน โยงฟอกเงิน-มิจฯระดับโลก

17 มิ.ย. 2568 | 07:03 น.
อัปเดตล่าสุด :17 มิ.ย. 2568 | 08:51 น.

เปิดข้อมูลบริษัท ‘Huione Group’ ของลูกพี่ลูกน้องของ “ฮุน มาเนต” และหลานชายฮุน เซน พบข้อมูลถูกแบล็คลิสต์จากอเมริกา เชื่อมโยงฟอกเงินกว่า 1.4 แสนล้าน พนันออนไลน์และคอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพระดับโลก

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 68 ว่า ตำรวจไซเบอร์พบบริษัท ‘ รับโอนเงินจากเว็บพนันออนไลน์และเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เข้ามาหลอกลวงคนไทย มีเส้นทางการเงินส่งต่อเป็นทอด ๆ ไปยังบริษัทดังกล่าว มีการแปลงทรัพย์สินที่ได้จากเงินในบัญชีของผู้เสียหายไปยังบัญชีม้าแถวต่าง ๆ ก่อนจะแปลงเป็นเงินสกุลดิจิทัล แล้วนำไปแปลงเป็นเงินสดและทรัพย์สินที่บริษัทดังกล่าว

 

ตำรวจพบความเป็นไปได้ 2 อย่างคือ บริษัท ‘Huione Group’ ตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชาและตั้งอยู่ในพื้นที่ของแก๊งสแกมเมอร์ตามแนวบริเวณชายแดนและพื้นที่ของกลุ่มคนร้าย จึงอาจใช้บริษัทนี้แลกเงินสกุลดิจิทัลออกมาเป็นเงินสด หรือเงินเข้าสู่บัญชีอื่น ๆ ยอมรับว่าที่ผ่านมาคดีของเว็บพนันออนไลน์และแก๊งคอลฯ ต่าง ๆ มีเส้นทางการเงินไปถึงบริษัทแห่งนี้เป็นส่วนใหญ่

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวต่อว่า ได้มีการประสานขอข้อมูลไปยังหลายบริษัทซึ่งส่วนใหญ่ในประเทศจะให้ความร่วมมือไม่เหมือนกัน แต่บริษัทนี้ให้ความร่วมมือส่งข้อมูลกลับมาเป็นบางกรณี ส่วนจะมีความผิดปกติหรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดหรือไม่ ยังไม่สามารถระบุได้ จะเป็นของนายฮุน โต หลานชายของ ฮุน เซ็น ประธานวุฒิสภากัมพูชา และเป็นผู้มีอำนาจในประเทศขณะนี้หรือไม่ เรื่องนี้ไม่สามารถตอบได้ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

 

ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบข้อมูลพบว่า "Huione Group" เป็นกลุ่มธุรกิจการเงินขนาดใหญ่ของกัมพูชา ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับ "ตระกูลฮุน" ของกัมพูชา หนึ่งในผู้บริหารที่สำคัญของ Huione Group คือ "ฮุน โต (Hun To)" ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของ "ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา" และหลานชายของสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานวุฒิสภากัมพูชา ฮุน โต ดำรงตำแหน่งกรรมการของ Huione Pay ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Huione Group

เครือบริษัทนี้ประกอบด้วยหลายบริการหลัก 1. Huione Pay PLC บริการชำระเงิน 2.   Huione Crypto แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล 3. Haowang Guarantee ตลาดออนไลน์ที่ขายสินค้าและบริการผิดกฎหมาย

 

ซึ่ง Huione Group เป็นข่าวครึกโครมอย่างมากและได้รับความสนใจจากหน่วยงานตรวจสอบการฟอกเงินในต่างประเทศ เนื่องจากมีการกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินระดับโลก ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Huione Guarantee และ Huione Crypto

 

โดยในเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งชาติกัมพูชาได้เพิกถอนใบอนุญาตของ Huione Pay เนื่องจากการละเมิดกฎระเบียบ รวมทั้งสหรัฐฯ ขึ้นแบล็กลิสต์ Huione Group เครือบริษัทการเงินกัมพูชา ฐานเป็นศูนย์กลางฟอกเงินแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์


ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์ www.fincen.gov พบว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2568 หน่วยงาน "FinCEN (Financial Crimes Enforcement Network)" ในสังกัดกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ประกาศขึ้นแบล็กลิสต์ Huione Group เครือบริษัทการเงินของกัมพูชา หลังพบว่าเป็นศูนย์กลางสำคัญในการฟอกเงินของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ และกลุ่มอาชญากรข้ามชาติ โดยมีมูลค่าการฟอกเงินรวมกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 140,000 ล้านบาท

 

FinCEN เปิดเผยผลการสืบสวนที่พบว่า Huione Group ทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญในการฟอกเงินจาก "การปล้นไซเบอร์" ของเกาหลีเหนือ และการหลอกลวงแบบ "pig butchering" หรือแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่หลอกเหยื่อลงทุนแล้วเชิดเงิน

 

จากการสืบสวนของ FinCEN พบว่าระหว่างเดือนสิงหาคม 2021 ถึงมกราคม 2025 Huione Group ฟอกเงินจำนวนมหาศาล ได้แก่

  • 37 ล้านดอลลาร์ จากการปล้นไซเบอร์ของเกาหลีเหนือ
  • 36 ล้านดอลลาร์ จากการหลอกลวงการลงทุนสกุลเงินดิจิทัล
  • 300 ล้านดอลลาร์ จากการหลอกลวงไซเบอร์รูปแบบอื่น

 

สหรัฐฯ ได้ดำเนินการมาตรการลงโทษหลายขั้นตอนเพื่อปิดกั้นเครือข่ายนี้ คือ 1. ห้ามสถาบันการเงินสหรัฐฯ ทำธุรกรรมใดๆ กับ Huione Group 2. Telegram ปิดช่องทางหลายพันช่อง ที่ใช้โดย Huione Guarantee และ 3. ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา เพิกถอนใบอนุญาตธนาคารของ Huione Pay ในเดือนมีนาคม 2025

 

ข้อมูลจากบริษัท Elliptic เปิดเผยว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์บล็อกเชนเคยรายงานว่า Huione Guarantee กลายเป็น "ตลาดอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์" ด้วยมูลค่าธุรกรรมรวมกว่า 27,000 ล้านดอลลาร์

 

โดย Scott Bessent เลขานุการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เคยกล่าวว่า "Huione Group ได้สร้างตัวเองให้เป็นตลาดที่มีชื่อเสียงสำหรับผู้ประกอบการไซเบอร์ที่เป็นอันตราย เช่น เกาหลีเหนือ และกลุ่มอาชญากรรม ซึ่งได้ขโมยเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากชาวอเมริกันทั่วไป"