อิหร่านลดจังหวะยิงขีปนาวุธ เล็งขยับเกมสู่ช่องแคบฮอร์มุซ

17 มิ.ย. 2568 | 02:18 น.
อัปเดตล่าสุด :17 มิ.ย. 2568 | 02:48 น.

หน่วยวิเคราะห์ชี้ อิหร่านชะลออัตราการยิงขีปนาวุธใส่อิสราเอล หลังถูกถล่มคลังอาวุธและฐานยิงสำคัญ อาจหันไปใช้มาตรการอื่น เช่น การพิจารณาปิดช่องแคบฮอร์มุซ

KEY

POINTS

  • หลังจากอิสราเอลเริ่มปฏิบัติการโจมตี อิหร่านยิงขีปนาวุธน้อยลงจาก 6 ระลอก เหลือเพียง 2 ระลอก โดยใช้จำนวนขีปนาวุธลดลงราว 30–40% จากเดิม
  • อิสราเอลถล่มจุดยุทธศาสตร์สำคัญของอิหร่าน รวมถึงไซโลเก็บขีปนาวุธ ฐานยิง และแหล่งพลังงานอย่างแหล่งก๊าซ Pars South ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของระบบผลิตไฟฟ้าอิหร่าน
  • อิหร่านอาจเปลี่ยนแนวทางตอบโต้สู่การปิด "ช่องแคบฮอร์มุซ" ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันกว่า 21 ล้านบาร์เรล/วัน หรือคิดเป็น 21% ของการบริโภคโลก

อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธหลายร้อยลูกใส่อิสราเอลเพื่อตอบโต้การโจมตีทางอากาศขนาดใหญ่ของอิสราเอล แม้จะยังน้อยกว่าที่คาดไว้ ขณะเดียวกัน อิสราเอลได้มุ่งเป้าทำลายขีปนาวุธของอิหร่าน รวมถึงขีดความสามารถในการยิงขีปนาวุธเหล่านั้น

สถาบันศึกษาสงคราม (Institute for the Study of War -ISW) ระบุว่า อัตราการโจมตีของอิหร่านได้เริ่มชะลอลงจากการยิงระลอกแรก ๆ แล้ว ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อทั้งสองฝ่ายดูเหมือนจะขยายขอบเขตของเป้าหมายให้รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน

แต่แม้อิสราเอลจะโจมตีทางอากาศอย่างดุดัน รวมถึงมีสัญญาณว่าการโจมตีอาจพุ่งเป้าไปถึงตัวระบอบปกครองของอิหร่านโดยตรง อิหร่านก็ยังไม่ได้ตอบโต้กลับอย่างเท่าเทียม โดยยิงขีปนาวุธน้อยกว่าที่คาดไว้ และมีแนวโน้มลดลง

สาเหตุคือ อิสราเอลได้โจมตีคลังเก็บขีปนาวุธของอิหร่าน รวมถึงขีดความสามารถในการยิงขีปนาวุธ ตามข้อมูลของสถาบัน ISW

นักวิจัยของ ISW เขียนไว้ในบทวิเคราะห์ว่า ความถี่ของการยิงขีปนาวุธเป็นระลอกของอิหร่านที่มุ่งเป้าไปยังอิสราเอลได้ลดลงตั้งแต่เริ่มต้นการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ซึ่งบ่งชี้ว่าการโจมตีของอิสราเอลส่งผลกระทบต่ออัตราการยิงขีปนาวุธของอิหร่าน 

เมื่อวันศุกร์และวันเสาร์ที่ผ่านมา อิหร่านได้ดำเนินการโจมตีเป็นระลอกจำนวน 6 ครั้ง โดยใช้ขีปนาวุธประมาณ 100-200 ลูก ISW ประเมินไว้ แต่ตั้งแต่วันเสาร์เป็นต้นมา อิหร่านได้ยิงเพียง 2 ระลอก โดยใช้ขีปนาวุธประมาณ 35-40 ลูกต่อระลอก

หากใช้ตัวเลขสูงสุดตามที่ ISW ประเมินไว้ ระลอกแรกเฉลี่ยยิงขีปนาวุธประมาณ 33 ลูกต่อระลอก ขณะที่ระลอกถัดมาลดลงเหลือเฉลี่ยประมาณ 20 ลูก

แผนยิงขีปนาวุธของอิหร่าน

การวิเคราะห์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านเมื่อวันเสาร์ ISW ระบุว่า มีรายงานว่าอิหร่านเคยวางแผนจะยิง ขีปนาวุธแบบวิถีโค้ง (ballistic missiles) จำนวน 1,000 ลูกใส่อิสราเอลเพื่อตอบโต้การโจมตีของอิสราเอล แต่ข้อมูลของ ISW ขณะนั้นนับรวมได้เพียง 200 ลูกเท่านั้น

อิหร่านได้ใช้อาวุธจริงน้อยกว่าที่วางแผนไว้ในการตอบโต้การโจมตีของอิสราเอลอย่างมาก เนื่องจากกองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล (IDF) ได้ทำลายหรือสร้างความเสียหายต่อแท่นยิงและไซโลที่อิหร่านตั้งใจใช้ในการตอบโต้

ก่อนเกิดความขัดแย้งรอบปัจจุบัน สหรัฐฯ และอิสราเอลประเมินว่าอิหร่านมีคลังขีปนาวุธอยู่ประมาณ 2,000 ลูก แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่มีระยะไกลพอจะโจมตีอิสราเอลได้ ตามข้อมูลของ ISW หากตัวเลขนี้ถูกต้อง อัตราการยิงขีปนาวุธของอิหร่านในปัจจุบันอาจไม่สามารถคงอยู่ได้อีกนาน

แน่นอนว่า อิหร่านยังคงสามารถสร้างความเสียหายและมีผู้เสียชีวิตจากการโจมตี แต่ระบบป้องกันขีปนาวุธ “ไอรอนโดม” (Iron Dome) ของอิสราเอลสามารถสกัดการโจมตีได้จำนวนมาก ซึ่งลดประสิทธิภาพของการตอบโต้จากอิหร่านลงอย่างมาก

นักวิเคราะห์รายอื่นเคยระบุว่า อิหร่านมีทางเลือกทางทหารที่มีประสิทธิภาพเหลืออยู่น้อยมาก และความสามารถทางการทหารโดยรวมก็ถูกอิสราเอลทำลายลงไปมากแล้ว

นั่นอาจทำให้อิหร่านต้องมองหาวิธีตอบโต้รูปแบบอื่นที่ไม่ใช่การยิงขีปนาวุธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของอิหร่านคนหนึ่งกล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า การปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของการค้าพลังงานโลก กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาอย่างจริงจัง ช่องแคบแห่งนี้เป็นเส้นทางลำเลียงน้ำมันเทียบเท่ากับ 21% ของการบริโภคน้ำมันเชิงของเหลวทั่วโลก หรือราว 21 ล้านบาร์เรลต่อวัน

อิสราเอลยังคงเดินหน้าการโจมตีอย่างต่อเนื่อง

โดยขยายเป้าหมายไปยังโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของอิหร่าน หลังจากทำลายผู้นำทางทหารระดับสูงของเตหะรานลงได้เป็นจำนวนมาก รวมถึงการโจมตีศูนย์นิวเคลียร์และสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหาร อิสราเอลได้โจมตีแหล่งเชื้อเพลิงและ แหล่งก๊าซธรรมชาติ Pars South ซึ่งถือเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก

แหล่งก๊าซ Pars เป็นหัวใจสำคัญของการผลิตพลังงานภายในประเทศอิหร่าน โดยมากกว่า 90% ของไฟฟ้าในอิหร่านผลิตจากโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ตามข้อมูลของ ISW

การหยุดชะงักในการผลิตก๊าซธรรมชาติของอิหร่านน่าจะทำให้วิกฤตพลังงานที่กำลังดำเนินอยู่ในประเทศเลวร้ายลง และอาจนำไปสู่การเกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างมากที่ผ่านมา ชาวอิหร่านเคยออกมาประท้วงต่อต้านรัฐบาลเนื่องจากเกิดภาวะขาดแคลนพลังงาน โดยการชุมนุมจากปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นในปี 2017 และ 2018 ได้ลุกลามกลายเป็นความท้าทายที่กว้างขึ้นต่อเสถียรภาพของรัฐบาล