ศึกอิหร่าน–อิสราเอลลุกลาม เปิดฉากทัศน์พลังงานโลกสั่นสะเทือน

16 มิ.ย. 2568 | 01:00 น.

อิสราเอลถล่มฐานพลังงานอิหร่านรวมถึงแหล่งก๊าซพาร์สใต้ อิหร่านเตือนอาจปิดช่องแคบฮอร์มุซ เสี่ยงกระทบการขนส่งน้ำมัน 21 ล้านบาร์เรล/วัน ราคาน้ำมันอาจทะลุ 120 ดอลลาร์

KEY

POINTS

  • อิสราเอลโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลังงานอิหร่าน เป้าหมายรวมถึงแหล่งก๊าซพาร์สใต้และโรงกลั่นน้ำมัน ขณะที่นายกฯ เนทันยาฮูประกาศจะถล่มทุกเป้าหมาย
  • อิหร่านเตือนอาจปิดช่องแคบฮอร์มุซ ช่องทางขนส่งน้ำมันกว่า 21 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งคิดเป็น 21% ของการบริโภคน้ำมันโลก กำลังถูกพิจารณาเป็น “ไม้ตาย” หากสถานการณ์เลวร้าย
  • นักวิเคราะห์จากดอยช์แบงก์ประเมินว่า หากอุปทานน้ำมันอิหร่านหยุดชะงักและช่องแคบถูกปิด ราคาน้ำมันอาจพุ่งทะลุ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลสะเทือนต่อเศรษฐกิจโลก

หลังจากอิสราเอลโจมตีกองทัพอิหร่านในระลอกแรกของการโจมตีทางอากาศ รายงานเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ระบุว่า โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของอิหร่านตกเป็นเป้าหมายการโจมตี ขณะเดียวกันอิหร่านเตือนว่าการปิด "ช่องแคบฮอร์มุซ" จุดยุทธศาสตร์สำคัญในการค้าพลังงานโลก กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา

ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นในวันศุกร์ และหากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านยกระดับขึ้น ราคาน้ำมันอาจสูงขึ้นอีก ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านมีแนวโน้มจะครอบคลุมเป้าหมายทางเศรษฐกิจ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายพยายามสร้างอำนาจต่อรองในการตอบโต้ที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว

หลังจากอิสราเอลโจมตีกองทัพอิหร่านอย่างหนักในระลอกแรกของการโจมตีทางอากาศ รายงานเมื่อวันเสาร์ระบุว่า โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของอิหร่านตกเป็นเป้าหมาย ซึ่งรวมถึง แหล่งก๊าซพาร์สใต้ (Pars South) ในจังหวัดบูเชห์ ประเทศอิหร่าน ซึ่งเป็นแหล่งก็าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงโรงกลั่นน้ำมัน

เรื่องนี้เกิดขึ้นพร้อมกับที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ออกมาเตือนเมื่อวันเสาร์ว่า “เราจะโจมตีทุกสถานที่และทุกเป้าหมายของระบอบอายาตอลเลาะห์” หลังจากก่อนหน้านี้เขาเรียกร้องให้ประชาชนชาวอิหร่านล้มล้างรัฐบาลของตน

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลกล่าวว่า อิหร่านได้ล้ำเส้นแดงด้วยการยิงขีปนาวุธใส่พื้นที่พลเรือนในปฏิบัติการตอบโต้ของตน

เวนดี้ เชอร์แมน อดีตรองรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ สัมภาษณ์ Bloomberg TV โดย เชื่อว่านั่นเป็นสัญญาณว่าอิสราเอลจะโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันและเศรษฐกิจของอิหร่าน ขณะเดียวกัน การตอบโต้ของอิหร่านก็อาจขยายเข้าสู่ตลาดพลังงานเช่นกัน แม้อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธและโดรนหลายร้อยลูกใส่อิสราเอล แต่นักวิเคราะห์ระบุว่า อิหร่านมีทางเลือกทางทหารที่ใช้การได้อยู่น้อย และขีดความสามารถโดยรวมถูกอิสราเอลลดทอนลงอย่างมาก

สมาชิกสภาอิหร่านคนหนึ่งกล่าวว่า การปิดช่องแคบฮอร์มุซ จุดยุทธศาสตร์สำคัญในการค้าพลังงานโลก กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาอย่างจริงจัง โดยเทียบเท่ากับ 21% ของการบริโภคน้ำมันในรูปของของเหลวทั่วโลก หรือประมาณ 21 ล้านบาร์เรลต่อวัน ที่ไหลผ่านช่องแคบนี้

การปิดช่องแคบดังกล่าวอาจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอีก หลังจากราคาพุ่งขึ้น 7% เมื่อวันศุกร์ แตะระดับมากกว่า 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ตลาดตอบสนองต่อสถานการณ์ในช่วงต้นของความขัดแย้งอิสราเอล–อิหร่าน

จอร์จ ซาราเวลอส หัวหน้าฝ่ายวิจัยอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารดอยช์แบงก์ ประเมินว่า หากเกิดสถานการณ์เลวร้ายที่สุด เช่น การหยุดชะงักของอุปทานน้ำมันจากอิหร่านโดยสมบูรณ์และการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ราคาน้ำมันอาจพุ่งทะลุ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

การปิดช่องแคบดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิด เรือลาดตระเวน เครื่องบิน ขีปนาวุธร่อน และเรือดำน้ำดีเซล โดยการเคลียร์ช่องแคบอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน

เนื่องจากผลกระทบในระดับโลกจากการปิดช่องแคบนี้มีนัยสำคัญ เราเชื่อว่า ความเป็นไปได้ในการปิดช่องแคบจะถูกเก็บไว้เป็นไม้ตายสุดท้าย และจะถูกนำมาใช้เฉพาะในกรณีที่สุดโต่งเท่านั้น

บทความของนิตยสาร Foreign Affairs เคนเนธ พอลแล็ค อดีตนักวิเคราะห์ด้านการทหารประจำอ่าวเปอร์เซียของ CIA และอดีตผู้อำนวยการฝ่ายกิจการอ่าวเปอร์เซียประจำสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า โอกาสที่อิหร่านจะปิดช่องแคบยังคงต่ำ

นั่นเป็นเพราะอิหร่านจะถูกมองว่าเปลี่ยนจากเหยื่อผู้ได้รับความเห็นใจไปเป็นศัตรูอันตรายในสายตาของประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลก โดยพอลแล็คคาดการณ์ว่า ชาติตะวันตก และอาจรวมถึงจีน จะใช้กำลังทหารเปิดช่องแคบอีกครั้ง

อิหร่านจำเป็นต้องกังวลว่า การข่มขู่เศรษฐกิจโลกอย่างหุนหันพลันแล่นเช่นนี้ อาจทำให้วอชิงตันเชื่อมั่นว่าระบอบการปกครองของอิหร่านต้องถูกปลด และความกลัวนั้นยิ่งมากขึ้นภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์  ผู้ซึ่งเคยสั่งสังหารพลเอกคาเซ็ม สุไลมานีแห่งอิหร่านในเดือนมกราคม 2020ที่กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง