เริ่มแล้วประชุม JBC ถกทางออกปมพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา

วันนี้ 14 มิ.ย. 2568 เวลา 11.45 น. สำนักข่าวขะแมร์ไทม์ รายงานว่าเริ่มต้นแล้วการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC) ครั้งที่ 6 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ท่ามกลางความคาดหวังจากประชาชนทั้งสองประเทศว่าจะได้ข้อยุติร่วมลดความตึงเครียดตามแนวชายแดน โดยการประชุมเริ่มล่าช้ากว่ากำหนดเดิมราว 1 ชั่วโมง 40 นาที

ก่อนการประชุม เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย ประธานฝ่ายกัมพูชา ได้พบหารือกลุ่มเล็กในบรรยากาศเปิดเผยและตรงไปตรงมา ทั้งสองฝ่ายต่างต้องการให้การประชุมครั้งนี้นำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ถือเป็นครั้งแรกที่ประธานร่วมของทั้งสองฝ่ายได้พบปะหารือกัน

ชาวบ้านชายแดนจับตาใกล้ชิด หวั่นซ้ำรอยความรุนแรง

ในพื้นที่ชายแดน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยเฉพาะบ้านโนนสูงที่อยู่ห่างจากจุดปะทะช่องบกไม่ถึง 20 กิโลเมตร ชาวบ้านต่างใช้ชีวิตด้วยความกังวล หลายคนติดตามข่าวการประชุม JBC อย่างใกล้ชิด หวังให้มีข้อตกลงในการลดกำลังทหารในพื้นที่ เพื่อลดความเสี่ยงของการปะทะซ้ำรอยเหตุการณ์ในอดีต

ด่านบางจุดยังไม่เปิด! รถสินค้าไทยรอเก้อ

ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม จ.จันทบุรี ด้านฝั่งไทยเปิดดำเนินการตามปกติ แต่ฝั่งกัมพูชายังไม่เปิดช่องสำหรับรถขนส่งสินค้า ทำให้รถบรรทุกจากฝั่งไทยไม่สามารถข้ามแดนได้ ขณะที่ชาวกัมพูชาที่ยังทำงานในไทยจำนวนมากทยอยเดินทางมาติดต่อขอข้ามกลับประเทศ เนื่องจากครอบครัวแจ้งให้กลับบ้าน ท่ามกลางความกังวลว่าสถานการณ์อาจเลวร้ายลง

คลองลึกคึกคัก คนแห่รอต่อคิวข้ามแดนแม้ฝนตกหนัก

ที่ด่านคลองลึก จ.สระแก้ว บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักแม้มีฝนตกหนัก ชาวไทยที่ทำงานในปอยเปตเดินทางมารอตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อข้ามแดนหลังจากตกค้างจากเมื่อวาน ขณะที่แรงงานกัมพูชาใน อ.อรัญประเทศ ต่างเฝ้ารอฟังผลการประชุม JBC ด้วยความหวังว่าจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติ

แม่ทัพภาค 2 ยืนยันไทยมีแผนรับทุกสถานการณ์

พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า แม้การประชุม JBC ยังไม่สามารถคาดการณ์ผลได้ แต่กองทัพไทยมีแผนรองรับไว้แล้วในทุกทิศทาง ส่วนมาตรการตอบโต้ทางฝั่งกัมพูชา จะขึ้นอยู่กับท่าทีของรัฐบาลเป็นหลัก

สถานการณ์ปัจจุบันจึงยังคงต้องจับตาใกล้ชิดทั้งจากเวทีการเมืองและเสียงจากประชาชนในพื้นที่ ที่ต่างเรียกร้องให้ผู้นำทั้งสองประเทศหันหน้าหาทางออกร่วมกันเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง และรักษาชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนตามแนวชายแดนไว้ให้ได้มากที่สุด.