KEY
POINTS
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า ส่งกำลังพลกองกำลังพิทักษ์แห่งชาติแคลิฟอร์เนียจำนวน 2,000 นาย ไปยังนครลอสแอนเจลิส เพื่อตอบสนองต่อการประท้วงเกี่ยวกับนโยบายตรวจคนเข้าเมือง ทั้งที่ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เกวิน นิวซัม คัดค้านอย่างชัดเจน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทรัมป์เรียกกำลังพลกองกำลังพิทักษ์แห่งชาติเพื่อระงับการประท้วง ในปี 2020 เคยขอให้ผู้ว่าการรัฐหลายรัฐส่งกำลังพลไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อรับมือกับการชุมนุมหลังจาก จอร์จ ฟลอยด์ ถูก ตำรวจมินนีแอโพลิสสังหาร ผู้ว่าการรัฐจำนวนมากให้ความร่วมมือและส่งกำลังพลไปยังเขตของรัฐบาลกลาง ส่วนรัฐที่ปฏิเสธก็สามารถทำได้ โดยเก็บรักษากำลังพลไว้ในรัฐของตน
แต่ครั้งนี้ ทรัมป์ดำเนินการขัดแย้งกับผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งตามปกติจะมีอำนาจควบคุมและบัญชาการกองกำลังพิทักษ์แห่งชาติของรัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่ทรัมป์กล่าวว่าการทำให้กำลังพลอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของรัฐบาลกลางเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อ จัดการกับความไร้ระเบียบในแคลิฟอร์เนีย ฝ่ายผู้ว่าการจากพรรคเดโมแครตกลับบอกว่าการเคลื่อนไหวนี้มีเจตนายั่วยุโดยตรงและจะยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้น
ต่อไปนี้คือข้อควรรู้บางประการเกี่ยวกับช่วงเวลาและวิธีที่ประธานาธิบดีสามารถส่งทหารไปประจำการบนแผ่นดินสหรัฐฯ
โดยทั่วไปแล้ว กำลังพลทหารของรัฐบาลกลางไม่ได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติหน้าที่บังคับใช้กฎหมายกับพลเรือนชาวอเมริกัน เว้นแต่ในกรณีฉุกเฉิน
กฎหมายในช่วงสงครามศตวรรษที่ 18 เรียกว่า Insurrection Act คือกลไกทางกฎหมายหลักที่ประธานาธิบดีสามารถใช้เพื่อระดมกำลังทหารหรือกองกำลังพิทักษ์แห่งชาติในช่วงที่เกิดการกบฏหรือความไม่สงบ อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ไม่ได้อ้างอิงกฎหมายนี้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
เขาอาศัยกฎหมายของรัฐบาลกลางที่ใกล้เคียงกันซึ่งอนุญาตให้ประธานาธิบดีสามารถควบคุมกองกำลังพิทักษ์แห่งชาติได้ภายใต้สถานการณ์บางอย่าง โดยได้นำกำลังพลบางส่วนของกองกำลังพิทักษ์แห่งชาติแคลิฟอร์เนียเข้าสู่ อำนาจตามมาตรา Title 10 ซึ่งหมายถึงประธานาธิบดีจะเป็นผู้บัญชาการสูงสุดแทนผู้ว่าการรัฐ ตามข้อมูลจากสำนักงานของนิวซัม
กองกำลังพิทักษ์แห่งชาติเป็นหน่วยงานแบบลูกผสมที่ให้บริการทั้งในระดับรัฐและรัฐบาลกลาง โดยปกติจะปฏิบัติภายใต้คำสั่งของรัฐและใช้เงินทุนของรัฐ บางครั้งกำลังพลจะถูกมอบหมายจากรัฐให้ปฏิบัติภารกิจของรัฐบาลกลาง แต่ยังคงอยู่ภายใต้คำสั่งของรัฐ และใช้เงินทุนของรัฐบาลกลาง
กฎหมายที่ทรัมป์อ้างถึงในการประกาศฉบับนี้ระบุว่ากำลังพลของกองกำลังพิทักษ์แห่งชาติจะอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลกลาง และสามารถดำเนินการได้ภายใต้ 3 สถานการณ์ คือ
แต่กฎหมายนี้ยังระบุด้วยว่า คำสั่งใด ๆ ที่ใช้ในกรณีเหล่านี้ต้องออกผ่านผู้ว่าการรัฐซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าประธานาธิบดีสามารถสั่งการได้โดยไม่ต้องผ่านคำสั่งของผู้ว่าการรัฐนั้นหรือไม่
คำประกาศของทรัมป์ระบุว่า กองกำลังพิทักษ์แห่งชาติทำหน้าที่สนับสนุนโดยการปกป้องเจ้าหน้าที่ ICE (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) ในขณะปฏิบัติหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ไม่ใช่ให้ทหารเข้าไปปฏิบัติหน้าที่บังคับใช้กฎหมายโดยตรง
ศาสตราจารย์สตีฟ วลาดีค จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายทหารและความมั่นคงแห่งชาติ ระบุว่า เป็นเพราะว่ากองกำลังพิทักษ์แห่งชาติไม่สามารถมีส่วนร่วมในภารกิจบังคับใช้กฎหมายตามปกติได้ เว้นแต่ทรัมป์จะประกาศใช้ Insurrection Act ก่อน
นอกจากนี้ยังระบุว่า การดำเนินการเช่นนี้เพิ่มความเสี่ยงที่กองกำลังอาจต้องใช้กำลังในระหว่างที่ทำหน้าที่ปกป้องและอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการส่งทหารในรูปแบบที่รุนแรงกว่านี้ในอนาคต เขาเขียนไว้บนเว็บไซต์ของตนว่า
เคยมีการระดมกองกำลังมาก่อน
กฎหมาย Insurrection Act และกฎหมายที่เกี่ยวข้องเคยถูกใช้ในช่วงยุคสิทธิมนุษยชน เพื่อคุ้มครองนักเคลื่อนไหวและนักเรียนที่เข้าร่วมกระบวนการเลิกแยกเชื้อชาติในโรงเรียน ประธานาธิบดีดไวต์ ไอเซนฮาวร์ เคยส่งกองพลที่ 101 ไปยังเมืองลิตเทิลร็อก รัฐอาร์คันซอ เพื่อคุ้มครองนักเรียนผิวดำที่เข้าเรียนในโรงเรียนเซ็นทรัลไฮสคูล หลังจากผู้ว่าการรัฐใช้อำนาจสั่งกองกำลังพิทักษ์แห่งชาติมาขัดขวาง
ประธานาธิบดีจอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช ก็เคยใช้ Insurrection Act เพื่อรับมือกับเหตุจลาจลในลอสแอนเจลิสในปี 1992 หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวที่ถูกบันทึกภาพขณะซ้อมคนขับรถผิวดำชื่อร็อดนีย์ คิง ถูกตัดสินว่าไม่มีความผิด
กองกำลังพิทักษ์แห่งชาติยังเคยถูกส่งไปรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉินหลายครั้ง เช่น การระบาดของโควิด-19 พายุเฮอริเคน และภัยธรรมชาติอื่น ๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การระดมกำลังเช่นนั้นจะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ว่าการรัฐ
ทรัมป์พร้อมใช้กองทัพในแผ่นดินสหรัฐฯ
เมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์ถูกถามว่า วางแผนจะส่งทหารสหรัฐฯ ไปยังลอสแอนเจลิสหรือไม่ เขาตอบว่า
เราจะมีทหารอยู่ทุกที่ จะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับประเทศของเรา จะไม่ยอมให้ประเทศถูกฉีกออกจากกันเหมือนที่เกิดขึ้นภายใต้การนำของไบเดน
ปี 2020 ทรัมป์เคยขอให้ผู้ว่าการรัฐหลายรัฐส่งกองกำลังพิทักษ์แห่งชาติไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อระงับการประท้วงหลังการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ผู้ว่าการรัฐหลายรายยอมให้ความร่วมมือ
ในขณะนั้น ทรัมป์ยังเคยขู่ว่าจะใช้ Insurrection Act เพื่อระงับการประท้วงที่มินนีแอโพลิส ซึ่งเป็นสิ่งที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสหรัฐฯ แต่ มาร์ก เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมในขณะนั้นออกมาต่อต้าน โดยกล่าวว่า กฎหมายนี้ควรถูกนำมาใช้ “เฉพาะในสถานการณ์ที่เร่งด่วนและร้ายแรงที่สุดเท่านั้น”
ทรัมป์ไม่เคยประกาศใช้ Insurrection Act ตลอดวาระแรกของเขา
ขณะรณรงค์หาเสียงสำหรับวาระที่สอง ทรัมป์แสดงท่าทีว่าจะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ โดยบอกกับผู้ชมในรัฐไอโอวาในปี 2023 ว่า เคยถูกขัดขวางไม่ให้ใช้กองทัพเพื่อปราบปรามความรุนแรงในเมืองและรัฐต่าง ๆ ในวาระแรก และกล่าวว่า ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นอีกในวาระหน้าจะไม่รออีกต่อไป
ทรัมป์ยังให้คำมั่นว่าจะใช้กองกำลังพิทักษ์แห่งชาติช่วยดำเนินการตามเป้าหมายด้านการบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมือง โดยที่ปรึกษาคนสำคัญของเขา สตีเฟน มิลเลอร์ อธิบายว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยกล่าวในรายการ “The Charlie Kirk Show” เมื่อปี 2023 ว่า รัฐที่มีผู้ว่าการเป็นรีพับลิกันและสนับสนุนทรัมป์ จะส่งกองกำลังไปยังรัฐใกล้เคียงที่ปฏิเสธจะเข้าร่วม
หลังจากทรัมป์ประกาศเมื่อวันเสาร์ว่า จะทำให้กองกำลังพิทักษ์แห่งชาติอยู่ภายใต้รัฐบาลกลาง รัฐมนตรีกลาโหม พีต เฮกเซธ กล่าวว่า อาจมีมาตรการอื่นตามมา เฮกเซธเขียนบนแพลตฟอร์ม X ว่า
กำลังพลนาวิกโยธินประจำการที่ค่ายแคมป์เพนเดิลตันกำลังอยู่ในภาวะเตรียมพร้อมสูงสุด และจะถูกระดมกำลังหากความรุนแรงยังดำเนินต่อไป
ข้อมูลอ้างอิง