ศึกแตกหัก "ทรัมป์–มัสก์" ปมกฎหมายใหม่ทุบธุรกิจ–ตัด EV

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และผู้สนับสนุนทางการเมืองรายใหญ่ที่สุดของเขาอย่างอีลอน มัสก์ กำลังแยกทางกันอย่างชัดเจนผ่านเครือข่ายสังคมของตนเอง

ไม่นานมานี้ มัสก์ยังเป็นบุคคลสำคัญของทรัมป์ ความเชื่อมโยงนี้ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะผ่านกรมประสิทธิภาพของรัฐบาล ซึ่งเป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นตามคำสั่งฝ่ายบริหาร และมีมัสก์เป็นที่ปรึกษา

มัสก์เคยเป็นบุคคลที่พบเห็นได้เสมอที่รีสอร์ต Mar-a-Lago ของทรัมป์ในปาล์มบีช รัฐฟลอริดา และที่ทำเนียบขาว แต่ตอนนี้ได้หันหลังให้กับประธานาธิบดีทรัมป์ไปแล้ว

และแม้หลายคนจะคาดการณ์ไว้แล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์กับมัสก์จะเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงในที่สุด แต่พวกเขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ต่อไปนี้เป็นสาเหตุของรอยร้าวที่เกิดขึ้น 

สาเหตุของความไม่พอใจ

ร่างกฎหมาย One Big Beautiful Bill Act ซึ่งมีความยาว 1,038 หน้า และผ่านการรับรองจากสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนถัดไปเพื่อกลายเป็นกฎหมาย โดยส่งต่อไปยังวุฒิสภา

ไม่กี่วันต่อมา ทรัมป์ได้ถอนการเสนอชื่อ จาเร็ด ไอแซกแมน ซึ่งมัสก์เป็นผู้เลือกให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าองค์การ NASA  การเคลื่อนไหวนี้ถูกมองว่าเป็นหลักฐานของความสัมพันธ์ที่เริ่มสั่นคลอนของทั้งสอง แต่ทรัมป์และมัสก์ก็ยังแสดงออกว่าเป็นมิตรต่อกันต่อสาธารณะ

เเต่เเล้วบรรยากาศก็เปลี่ยนไป ในลักษณะที่เปิดเผยและรุนแรงในสัปดาห์นี้ มัสก์เขียนบน X เมื่อวันอังคาร

ขอโทษนะ แต่ผมทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ร่างกฎหมายการใช้จ่ายของสภาคองเกรสที่เต็มไปด้วยของขวัญทางการเมืองฉบับนี้ น่าขยะแขยงและน่าอับอาย ใครก็ตามที่ลงคะแนนสนับสนุน คุณรู้ว่าคุณทำผิด คุณรู้อยู่แล้ว

รายละเอียดของร่างกฎหมาย

ร่างกฎหมายนี้เป็นความพยายามในการลดภาษีและลงทุนในธุรกิจของอเมริกา สำนักงานงบประมาณของรัฐสภา (CBO) ประเมินว่า แม้ร่างกฎหมายจะลดภาษีลงได้ 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ แต่จะเพิ่มหนี้สาธารณะของประเทศขึ้น 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 10 ปี และเพิ่มเพดานหนี้ของประเทศขึ้นอีก 4 ล้านล้านดอลลาร์

ผลกระทบต่อวิกฤตหนี้ของประเทศในปัจจุบันนี้ทำให้วุฒิสมาชิกรีพับลิกัน 2 ราย ได้แก่ แรนด์ พอล (R-KY) และ รอน จอห์นสัน (R-WI) ออกมาต่อต้านร่างกฎหมายในรูปแบบปัจจุบัน แม้จะขัดกับจุดยืนของพรรคก็ตาม

ร่างกฎหมายนี้ยกเลิกการเก็บภาษีจากรายได้ประกันสังคม เงินทิป และค่าล่วงเวลา เเละยังตัดงบประมาณครั้งใหญ่จากโครงการสาธารณสุขของรัฐบาลกลาง เช่น Medicaid และ SNAP สำนักงานงบประมาณของรัฐสภา (CBO) ประเมินว่า ด้วยการตัดงบประมาณดังกล่าว จะมีประชาชนเกือบ 11 ล้านคนที่ไม่มีประกันสุขภาพภายในปี 2034

ร่างกฎหมายยังทำให้ผลของพระราชบัญญัติลดภาษีและการจ้างงานของทรัมป์จากวาระแรกมีผลถาวร แม้นักเศรษฐศาสตร์จะพบว่าการลดภาษีเหล่านั้นให้ประโยชน์แก่ชาวอเมริกันที่ร่ำรวยมากกว่าคนจนก็ตาม การลดภาษีเพิ่มเติมในร่างกฎหมายใหม่ของทรัมป์ก็ยังคาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวที่ร่ำรวยมากกว่าผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ

ความขัดแย้งระหว่างทรัมป์กับมัสก์ยกระดับขึ้นอีกในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เมื่อประธานาธิบดีถูกถามถึงท่าทีปฏิเสธร่างกฎหมายของผู้นำ Tesla และ SpaceX

ทรัมป์อ้างว่ามัสก์รู้รายละเอียดเกี่ยวกับแผนร่างกฎหมายเป็นอย่างดี แต่กลับไม่พอใจเมื่อรู้ว่าร่างกฎหมายจะส่งผลเสียต่อธุรกิจของเขา

เขาเริ่มมีปัญหาเมื่อรู้ว่าเราต้องตัดมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าออก นโยบายที่ให้สิทธิประโยชน์แก่การผลิตและขายรถยนต์ไฟฟ้า เช่นที่ Tesla ผลิต นั่นเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

ความเห็นของมัสก์ร้อนเเรงขึ้นโดยกล่าวว่า ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งได้เพราะความช่วยเหลือจากเขา

ถ้าไม่มีผม ทรัมป์คงแพ้การเลือกตั้ง พรรคเดโมแครตคงคุมสภา และพรรครีพับลิกันคงมีเสียงแค่ 51-49 ในวุฒิสภา

ทั้งสองนักธุรกิจยังคงโต้ตอบกันผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของตนเอง  และทวีความรุนแรงขึ้น  ทรัมป์เขียนบน Truth Social ว่า 

อีลอนเริ่มจะหมดความอดทน ผมจึงขอให้เขาออกไป ผมยกเลิกคำสั่งบังคับให้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่มีใครอยากได้ ทั้งที่เขารู้มาหลายเดือนแล้วว่าผมจะทำแบบนี้ แล้วเขาก็คลั่งไปเลย

ในอีกโพสต์หนึ่ง ทรัมป์เสริมว่า วิธีที่ง่ายที่สุดในการประหยัดเงินในงบประมาณ มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ คือการยกเลิกเงินอุดหนุนและสัญญาที่รัฐบาลมอบให้กับอีลอน เเละแปลกใจที่ไบเดนไม่ทำเเบบนี้ 

มัสก์โพสต์ภาพหน้าจอของโพสต์ของทรัมป์และเสริมว่า เขาจะปลดประจำการยานอวกาศ Dragon ของ SpaceX เพื่อตอบโต้คำกล่าวของประธานาธิบดี เเละ ยังคงโพสต์ข้อความจำนวนมากบน X เพื่อโจมตีประธานาธิบดี ผู้ซึ่งเขาเคยใช้เงิน 288 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนให้ชนะเลือกตั้ง

จากนั้นมัสก์กล่าวหาทรัมป์ว่าอยู่ในแฟ้มเอกสารของ Epstein โดยหมายถึง เจฟฟรีย์ เอพสไตน์ ผู้มีประวัติการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ทรัมป์ยังไม่ได้ตอบโต้ข้อกล่าวหานี้

มัสก์ยังกล่าวอีกว่า มาตรการภาษีของทรัมป์จะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ 

แม้การทะเลาะกันอย่างเปิดเผยของทั้งคู่จะก่อให้เกิดกระแสบน X, อีโมจิป๊อปคอร์น และมีมว่า “พวกเขากำลังตีกัน” แต่ผลกระทบจากความแตกแยกระหว่างบุคคลที่รวยที่สุดในโลกกับประธานาธิบดีสหรัฐที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่ ย่อมมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เเค่มัสก์ เเต่ภายใต้การนำของทรัมป์ มหาเศรษฐีด้านเทคโนโลยีรายอื่น ๆ อย่าง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Meta, ซุนดาร์ พิชัย ซีอีโอ Google, เจฟฟ์ เบโซส์ ผู้ก่อตั้ง Amazon, แซม อัลท์แมน ซีอีโอ OpenAI และทิม คุก ซีอีโอ Apple ต่างก็เคยบริจาคเงินให้กับกองทุนพิธีสาบาน เเละนโยบายของทรัมป์ได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อธุรกิจของบริษัทเหล่านี้ไปแล้ว โดยเฉพาะจากการบังคับใช้ภาษีศุลกากรที่สูงต่อสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ