สำนักข่าวซินหัว รานงานว่า จากการที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชื่อดัง ได้ปะทะคารมเกี่ยวกับร่างกฎหมายตัดลดภาษี และการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลให้ "หุ้นเทสลา" ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ มัสก์ ลาออกจากทุกตำแหน่งในรัฐบาลแล้ว
สำหรับร่างกฎหมายตัดลดภาษีและการใช้จ่ายงบประมาณ ซึ่งทรัมป์ เรียกว่า "ร่างกฎหมายที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม" เป็นหนึ่งในวาระหลักของทรัมป์และอยู่ในชุดมาตรการทางเศรษฐกิจ เช่น การยกเลิกเครดิตภาษีสำหรับผู้ซื้อยานยนต์ไฟฟ้า การเพิ่มการลงทุนด้านความมั่นคงชายแดน และการปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลและภาษีบุคคลธรรมดา
ด้าน อีลอน มัสก์ วิจารณ์นโยบายนี้ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า ร่างกฎหมายนี้เป็น "ภูเขาแห่งความฟุ่มเฟือยอันน่าขยะแขยง" ทุกคนรู้ดีว่าไม่เคยมีกฎหมายใดที่ทั้งยิ่งใหญ่และสวยงามในประวัติศาสตร์อารยธรรมความเจริญทั้งหมดที่ผ่านมา ทางที่ควรเลือกคือสมส่วนและสวยงาม
ขณะที่ ทรัมป์ กล่าวว่า ความไม่พอใจของมัสก์น่าจะเกิดจากข้อเสนอของร่างกฎหมายนี้ที่ยกเลิกเครดิตภาษีสำหรับผู้ซื้อยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของมัสก์ในฐานะซีอีโอของเทสลา (Tesla) พร้อมเสริมว่าเขากับมัสก์เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก แต่ตอนนี้เขาผิดหวังมาก ทั้งที่เคยช่วยเหลือมัสก์มากมาย
การปะทะคารมกับทรัมป์ ทำให้ราคาหุ้นของเทสลาร่วงลงกว่า 15% ในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี (5 มิ.ย.) โดยราคาหุ้นของเทสลาในปีนี้ลดลงกว่า 30% แล้ว โดยมัสก์เคยเป็นพันธมิตรคนสำคัญของทรัมป์ ช่วยทุ่มเงินสนับสนุนการหาเสียงเลือกตั้งในปี 2024 กว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 9.8 พันล้านบาท)
หลังจากทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง อีลอน มัสก์ เข้าร่วมทำงานที่กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) ซึ่งก่อตั้งขึ้นใหม่และมีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตของระบบราชการและลดหนี้สินของประเทศ โดยกระทรวงฯ นี้ทำให้มีการปลดพนักงานรัฐบาลกลางหลายพันคน รวมถึงตัดเงินช่วยเหลือต่างประเทศและโครงการอื่นๆ หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นำสู่การประท้วงในสหรัฐฯ และทั่วโลก
ทั้งนี้ อีลอน มัสก์ เพิ่งประกาศลาออกจากตำแหน่งในกระทรวง DOGE เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา