รัฐบาลไม่รับอำนาจศาลโลก ใช้กลไกทวิภาคีแก้ปมชายแดนไทย-กัมพูชา

05 มิ.ย. 2568 | 10:31 น.
อัปเดตล่าสุด :05 มิ.ย. 2568 | 10:38 น.

รัฐบาลแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ยืนยันไม่รับอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ตั้งแต่ปี 2503 จนถึงปัจจุบัน ย้ำว่าการแก้ปัญหาชายแดนกับกัมพูชาควรดำเนินการผ่านกลไกทวิภาคี

วันนี้ (5 มิถุนายน 2568) เวลา 17.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงจุดยืนของรัฐบาลไทยต่อกรณีปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า รัฐบาลไทยได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เมื่อเวลา 16.30 น. เพื่อชี้แจงท่าทีของประเทศต่อเหตุการณ์และแนวทางการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น

รัฐบาลไทยยืนยันว่า ตั้งแต่เกิดเหตุปะทะบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกันใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ได้แก่ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC), คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) โดยยึดหลักความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งเป็นผลจากการหารือระดับผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองประเทศเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568

ส่วนของข้อเสนอจากฝั่งกัมพูชา ที่แสดงความตั้งใจจะยื่นเรื่องเข้าสู่กระบวนการของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) รัฐบาลไทยได้ย้ำจุดยืนชัดเจนว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจของ ICJ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และเห็นว่า ทั้งสองประเทศได้มีข้อตกลงและกลไกที่ใช้แก้ไขปัญหาชายแดนร่วมกันอยู่แล้วตั้งแต่แรก

สิ่งสำคัญคือ ทั้งสองฝ่ายควรจำกัดกรอบการหารือเฉพาะพื้นที่ที่เกิดการกระทบกระทั่ง ไม่ควรขยายขอบเขตของปัญหา เพราะจะยิ่งทำให้สถานการณ์ซับซ้อนยิ่งขึ้น นายจิรายุกล่าว

รัฐบาลไทยเน้นย้ำว่า ประเทศไทยไม่ประสงค์ให้เกิดความสูญเสียใด ๆ กับฝ่ายใด และขอให้ทั้งสองประเทศเดินหน้าแก้ไขปัญหาภายใต้กลไกที่มีอยู่ ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 26 ปีที่ผ่านมา กลไก JBC ได้ดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมในหลายพื้นที่

เช่น การก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บริเวณบ้านหนองเอี่ยน – ปอยเปต และสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด จังหวัดจันทบุรี กับบ้านปรม จังหวัดไพลิน ประเทศกัมพูชา

โฆษกรัฐบาลระบุว่า ประเทศไทยพร้อมเข้าร่วมการประชุม JBC ในวันที่ 14 มิถุนายน 2568 และคาดหวังว่ากัมพูชาจะให้ความร่วมมือในแนวทางเดียวกัน โดยยึดหลักสันติภาพ เสถียรภาพ และการเคารพซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง