วันที่ 5 มิถุนายน 2568 อัปเดตความคืบหน้าเกี่ยวกับข่าวชายแดนไทย-กัมพูชาล่าสุด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดเผยว่า การรุกล้ำ 200 เมตร ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee - JBC) ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน กำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่คร่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น no man’s land เมื่อมีการเข้ามาในจุดนี้ ซึ่งฝั่งกัมพูชาคิดว่าเป็นจุดของเขา
ดังนั้นจึงเป็นการละเมิดข้อตกลงของ JBC ข้อ 5 ซึ่งไทยก็มีข้อมูลหลายอย่าง แต่ถือว่าไทยได้เริ่มต้นจากจุดสันติวิธี และเชื่อว่า JBC จะมีคำตอบได้ หากกัมพูชาไม่ยอมรับในประเด็นปัญหานี้ ดังนั้นต้องรอข้อสรุปทั้งหมดจากการประชุม JBC ในวันที่ 14 มิถุนายน นี้ ที่กรุงพนมเปญ ถือเป็นกลไกระหว่างประเทศที่ไทยทำกับชายแดนทุกภาคส่วน ที่จะมีการพูดคุยกันในทุกระดับ
"ย้อนกลับไปเมื่อปี 2553-2554 ก็ได้ใช้เวทีนี้ทำให้ยุติสงครามและสู้รบ ซึ่งก็ใช้กลไกนี้ ทุกฝ่ายยอมรับว่าต้องดำเนินการเช่นนี้ วันนี้ไทยต้องการให้กัมพูชา ยืนตามกลไกของ JBC ย้ำว่าจุดที่กัมพูชามาตั้ง คือ no man’s land ที่ยังไม่มีข้อสรุปว่าเป็นจุดของใคร ดังนั้น อยากให้กลับมาอยู่จุดเดิม โดยแม่ทัพภาคที่ 2 บอกกับตนชัดเจนว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ได้ถอยมาในจุดเดิม แต่กัมพูชาไม่ยอมถอย ถือเป็นการละเมิดข้อตกลง แต่ไม่ใช่เรื่องบุกแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องมีการถกเถียงกัน ยังไม่จบ"
นายภูมิธรรม ยืนยันอีกว่า สิ่งที่ทำ ไม่ได้ยอมใคร แต่ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ และความเป็นห่วงนำไปสู่การใช้กลไกระหว่างประเทศที่มีอยู่ในการแก้ปัญหา ดังนั้นไม่ว่าใคร หากจะเอาชนะตนทางการเมือง หวังทำลายเครดิตตน แต่เรื่องของประเทศชาติไม่ควรเอาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาใช้เอาประโยชน์ทางการเมือง หรือสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้น ดังนั้น สิ่งที่ตนพูดยืนยันได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้มีการประชุมชุดเล็ก หารือติดตามประเด็นสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาไปแล้วเมื่อวานนี้ (4 มิ.ย.) ซึ่งจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการฯ เพื่อติดตามเรื่องนี้โดยเฉพาะ ขออย่ากังวล เรื่องนี้พลาดไม่ได้ โดยวันนี้ (5 มิ.ย.2568) ไม่ได้เข้าพบหารือกับนายกรัฐมนตรีในช่วงบ่าย แต่ได้มีการรายงานสถานการณ์จากการลงพื้นที่ผ่านทาง LINE ไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
ส่วนที่ กลุ่ม คปท. จะเดินทางไปที่กระทรวงกลาโหม เรื่องนี้ไม่เป็นไร ซึ่งจะมีตัวแทนรับหนังสือ ยืนยันว่าตนไม่ได้หนี แต่มีภารกิจประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลตลอดทั้งวัน เพราะตนได้ทำงาน 2 ที่ ทั้งทำเนียบรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม ย้ำว่าไม่ได้หนี
นอกจากนี้ นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึง การประชุม IISS Shangri-La Dialogue เวทีหารือด้านความมั่นคงที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีรายงานว่า กัมพูชา อาศัยเวทีนี้ ฟ้องเรื่องทหารกัมพูชาเสียชีวิต จากเหตุปะทะที่ช่องบกว่า ไม่ใช่การฟ้อง ข้อเท็จจริงคือในช่วงที่ตนกับฟิลิปปินส์ และเอสโตเนีย 3 ประเทศขึ้นไปพูดเรื่องการสร้างเครือข่ายข้ามภูมิภาค ซึ่งระหว่างเปิดให้ซักถามมีทหารกัมพูชา ที่ไม่ใช่ระดับตัวแทนใหญ่ ได้สอบถามฟิลิปปินส์ว่า ในกรณีที่เกิดเหตุ ปะทะของไทย-กัมพูชา ควรจะทำอย่างไร ซึ่งทางฟิลิปปินส์ไม่ได้ตอบคำถามนี้ ซึ่งไม่ใช่ตัวแทนของกัมพูชาขึ้นไปพูดบนเวที ดังนั้นไม่ถือว่าเป็นสาระ แต่ถ้าเป็นตัวแทนเราต้องประท้วง
ส่วนการระบุว่า กัมพูชา ผิดข้อตกลง JBC ข้อที่ 5 ไทยจะมีบทลงโทษหรือบทตอบโต้อย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตั้งแต่มีการเผาศาลาตรีมุข ก็สั่งกองทัพบกให้มีการเตรียมพร้อม จึงมั่นใจได้ว่าหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกองทัพมีความพร้อม ซึ่งการละเมิดข้อตกลงถึงต้องมีการประชุม JBC เพราะหยุดไปนานพอสมควรแล้ว โดยครั้งสุดท้ายไทยเป็นเจ้าภาพ ดังนั้น ไทยจึงเสนอให้กัมพูชาจัดประชุม โดยเสนอว่าอยากให้จัดภายในวันที่ 6 มิถุนายน 2568 จะได้รีบจบ แต่รัฐมนตรีเขตแดนของกัมพูชา ติดภารกิจอยู่ที่แคนาดา สุดท้ายจึงสรุปว่าเป็นวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ที่กรุงพนมเปญ ซึ่งไทยก็ยอมรับได้
สำหรับเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้ทำอะไรไปบ้างนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามีเอกสารหลักฐานที่กองกำลังสุรนารี ยื่นประท้วงทุกครั้ง หรือแม้กระทั่งการเจรจาใน JBC ทุกอย่างที่เราประท้วง เราพิสูจน์ว่าเราไม่ได้ยอมรับในการเจรจา แม้กระทั่งวันที่ส่งผู้บัญชาการทหารบก ไปคุยกับผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา เขาก็ยืนยันว่าตรงนั้นเป็นของเขาไปแล้ว แต่เราก็ยืนยัน ตรงนี้เป็นเขตที่ให้ MOU 43 เข้ามาแก้ปัญหา ซึ่งกระบวนการสันติทำมาตลอด
"แต่หลายอย่างเราไม่จำเป็นต้องพูดกลางอากาศ เป็นเวทีที่เราต้องเตรียมพร้อมที่สุด จึงไม่อยากให้เขารู้ว่าเราเตรียมอะไร ซึ่งถ้าใน JBC คุยได้ข้อยุติ ก็ดีก็จบ ถ้าไม่มีข้อสรุปก็ต้องให้ตัวแทนกรรมการ JBC ไปดูพื้นที่จริง แล้วเราต้องคิดต่อไปว่าจะดำเนินการโดยมาตรการอะไร "
ส่วนก่อนถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ทั้ง 2 ฝ่ายต้องหยุดทุกอย่างก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า มันเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น แต่เราห้ามใจแต่ละฝ่ายไม่ได้ ถ้าอะไรเกิดขึ้นมา เราก็จะประท้วง พร้อมย้ำว่าการประชุม JBC ไม่ใช่ว่าเราจะไปยอมศิโรราบเขา หรือฟังคำสั่งเขา เพราะในความเป็นจริง แม้จะรอการประชุม JBC แต่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเขาก็มีการพบกันอยู่แล้ว
อย่างแนวเส้นสัตบรรณเป็นจุดกลางใน no man’s land ซึ่งทุกคนก็มาเจอกัน นั่งกินข้าวตรงนั้น เพราะเป็นจุด 3 ประเทศ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับที่ "สมเด็จฮุนเซน" เอาภาพมาแสดง เพราะนั่นคือศาลาตรีมุข วันนี้มันจึงสับสนไปหมด จึงอยากให้ทุกคนใช้สติและตรวจสอบข้อมูลก่อน ไม่งั้นเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยโหมกระแส มันจะยากสำหรับการเจรจา และบางเรื่องต้องเสนอด้วยความเข้าใจและข้อเท็จจริงจึงจะเหมาะสม
ส่วนถ้ามีสถานการณ์ฉุกเฉิน แม่ทัพภาค สามารถสั่งปิดด่านได้ทันทีใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ถ้าเป็นการประกาศกฎอัยการศึก แม่ทัพมีอำนาจในการสั่งปิด แต่เมื่อวาน (4มิ.ย.2568) ที่ตนได้คุยแม่ทัพภาคที่ 2 ก็บอกว่า จะไปทีละขั้น ถ้าไม่มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น จากตรงนี้ไปเราอาจสั่งปิดก็ได้ หรือปิดเป็นช่วงเวลา ก็แล้วแต่มาตรการที่เหมาะสม ที่ไม่ขยายความขัดแย้ง แต่ปัญหาสำคัญคือ มันพร้อมสู่มาตรการนี้หรือยัง
ต่อคำถามที่ว่า ชายแดนที่เกิดเหตุแบบนี้ จะสามารถใช้ความสัมพันธ์พิเศษ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุนเซน ทำให้ปัญหายุติลงได้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีอะไร ฝ่ายปฏิบัติการยังทำเต็มที่ ซึ่งส่วนตัวก็เป็นเรื่องที่นายทักษิณ จะคุยเพื่อช่วยประเทศอย่างไร ซึ่งท่านคุยหรือไม่ ตนไม่ทราบ ตนก็ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทุกหน่วยงานที่ตนดูแลอยู่ก็เคลื่อนไหวกันหมด
เมื่อถามว่า การประชุม JBC จะคุยเฉพาะในพื้นที่ช่องบกอย่างเดียว ไม่ได้รวมถึงเกาะกูดและพื้นที่อ้างสิทธิ์อื่นด้วยใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เวลาเกิดเหตุการณ์ ยิ่งคุยกว้างยิ่งจบยาก หากปัญหาเกิดตรงนี้ ก็ต้องโฟกัสตรงนี้ เขาต้องการขยายกว้าง แต่เราคุยแคบ หากเราไปตามเขา ก็เท่ากับเปิดประเด็นทั้งหมดที่เป็นปัญหา ถ้าเขาร้อนเราก็ต้องเย็น สื่ออย่าไปหลงประเด็นเขา เพราะตอนนี้ที่เขาบอกว่าจะขึ้นศาลโลก เขาพูดฝ่ายเดียวก็ไม่มีผลอะไร แต่ถ้าเราไปบอกว่าโอเคหรือไม่โอเค ก็จะเป็นประเด็น
"ดังนั้นเราต้องอยู่ตรงนี้ ซึ่งกรณีของศาลโลก ในการประชุม ครม.เมื่อ 19 มีนาคม 2567 ที่เราไม่รับมติของศาลโลก ดังนั้นหากเขานำเรื่องขึ้นศาลโลก ก็ต้องได้รับการยอมรับจากเรา เรายืนยันว่าจะให้จบที่การประชุม JBC ที่เราทำขณะนี้ เราใช้สติในการดูว่าแค่ไหนอย่างไรจึงจะเหมาสม ตอนนี้เราเตรียมพร้อมตลอดแนวชายแดน โฟกัสจุดที่เป็นปัญหา"