OECD ชี้ "ภาษีทรัมป์" ฉุดเศรษฐกิจโลกดิ่งลงเหว ชะลอทั้งสหรัฐฯ-จีน-ยุโรป

04 มิ.ย. 2568 | 07:18 น.
อัปเดตล่าสุด :04 มิ.ย. 2568 | 07:18 น.

รายงานใหม่จาก OECD เตือนภาษีนำเข้าของทรัมป์อาจฉุดเศรษฐกิจโลกเหลือโตแค่ 2.9% ในปี 2025 ส่งผลกระทบชัดเจนต่อสหรัฐฯ จีน แคนาดา เม็กซิโก และอียู พร้อมเรียกร้องผู้นำโลกเร่งฟื้นระบบการค้าโลกแบบร่วมมือ

ในรายงานเศรษฐกิจล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2025 องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ออกโรงเตือนชัดว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากนโยบายการค้าของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าที่สร้างความไม่แน่นอนให้ตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้าอย่างเห็นได้ชัด หากยังไม่มีการเจรจาและหาข้อยุติในประเด็นการค้าระหว่างประเทศ

OECD ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกลงเหลือ 2.9% ในปี 2025 จากที่เคยคาดไว้ 3.3% ในปี 2024 และ 3.1% เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่า ความไม่แน่นอนจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่ขึ้นแล้วหยุด แล้วกลับมาขึ้นใหม่ สร้างความวุ่นวายต่อห่วงโซ่อุปทานโลก ทำให้หลายบริษัทต้องเร่งนำเข้าสินค้าล่วงหน้าในช่วงไตรมาสแรกของปี เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีที่มีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคม ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศสมาชิก OECD ชะลอตัวอย่างมากในไตรมาสแรกปีนี้ โตเพียง 0.1% ถือเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ช่วงวิกฤตโควิด-19

เศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางของนโยบายการค้าดังกล่าว ก็หนีไม่พ้นผลกระทบ โดย OECD คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจอเมริกันในปี 2025 จะอยู่ที่ 1.6% ลดลงจากตัวเลขที่คาดไว้ 2.2% ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และจะลดลงเหลือ 1.5% ในปี 2026 เทียบกับการเติบโต 2.8% ที่เกิดขึ้นจริงในปี 2024 ซึ่งเป็นผลจากภาษีที่สูงขึ้น มาตรการตอบโต้ทางการค้าของประเทศอื่น การลดการอพยพสุทธิ และการตัดงบประมาณบุคลากรของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ

หากรัฐบาลทรัมป์เดินหน้าขึ้นภาษีอีกเพียง 10% กับประเทศคู่ค้าหลัก ผลกระทบที่จะตามมาต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจทำให้การเติบโตลดลงถึง 1.6% ในช่วงเวลา 2 ปี ขณะที่เศรษฐกิจโลกจะหดตัวเกือบ 1% ในช่วงเวลาเดียวกัน รายงานยังชี้ว่าผลกระทบดังกล่าวจะรุนแรงกับประเทศที่พึ่งพาการค้ากับสหรัฐฯ สูง อาทิ แคนาดา เม็กซิโก และจีน

ในด้านเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ OECD ยังคาดว่าเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซนจะโตเพียง 1% ในปี 2025 และ 1.2% ในปี 2026 สอดคล้องกับคาดการณ์เดิมเมื่อเดือนมีนาคม ขณะที่เศรษฐกิจจีน แม้ยังเติบโตในระดับสูงเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว แต่ก็มีแนวโน้มชะลอตัวเช่นกัน โดยคาดว่าจะขยายตัว 4.7% ในปี 2025 และลดลงเหลือ 4.3% ในปี 2026 ลดลงเล็กน้อยจากประมาณการเดิม

แมทเธียส คอร์มาน เลขาธิการใหญ่ของ OECD ย้ำว่า แม้เศรษฐกิจโลกจะยังแสดงให้เห็นถึง "ความยืดหยุ่น" ในช่วงปลายปี 2024 แต่สถานการณ์ในปี 2025 เริ่มเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนจากแรงกดดันทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ การค้าระหว่างประเทศ และภาระที่รัฐบาลทั่วโลกต้องรับมือ ทั้งด้านงบประมาณทางทหารและการลงทุนในเศรษฐกิจสีเขียวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

OECD ทิ้งท้ายด้วยคำแนะนำที่ชัดเจนต่อรัฐบาลทั่วโลกว่า "สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือ การร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์เพื่อหาข้อยุติในระบบการค้าโลก" หากยังคงเดินเกมการค้าที่ไม่แน่นอนแบบนี้ต่อไป เศรษฐกิจโลกอาจไม่เพียงแค่ชะลอตัว แต่ยังเสี่ยงต่อการเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ในระยะยาว