รอยเตอร์รายงานว่า ตามร่างจดหมายจากสำนักงานตัวแทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ที่รอยเตอร์เข้าถึงได้ เปิดเผยแผนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการปิดการเจรจาที่ซับซ้อนกับหลายสิบประเทศ ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อ 9 เม.ย. หลังจากที่เขาระงับภาษีนำเข้ามาแบบตอบโต้ เป็นเวลา 90 วัน จนถึง 8 ก.ค. หลังตลาดหุ้น พันธบัตร และสกุลเงินตกต่ำจากนโยบายภาษีที่รุนแรง
เอกสารแสดงความเร่งด่วนของรัฐบาลในการทำข้อตกลงก่อนเดดไลน์ที่กำหนดเอง แม้เจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างเควิน แฮสเซ็ต ที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาวจะยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าข้อตกลงหลายฉบับใกล้แล้วเสร็จ แต่ปัจจุบันมีเพียงข้อตกลงเดียวที่บรรลุกับประเทศคู่ค้าสำคัญ คือ อังกฤษ โดยข้อตกลงดังกล่าวเป็นเพียงกรอบสำหรับเจรจาต่อไปมากกว่าข้อตกลงขั้นสุดท้าย
สหรัฐฯ ขอให้ประเทศต่างๆ เสนอข้อเสนอที่ดีที่สุดในหลายด้านสำคัญ ได้แก่ อัตราภาษีและโควต้าสำหรับการซื้อสินค้าอุตสาหกรรมและเกษตรของสหรัฐฯ แผนแก้ไขอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี ข้อผูกพันด้านการค้าดิจิทัลและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ รวมทั้งข้อผูกพันเฉพาะประเทศ
เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา ศาลการค้าระหว่างประเทศตัดสินว่า ทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขตในการเรียกเก็บภาษีภายใต้พระราชบัญญัติอำนาจเศรษฐกิจฉุกเฉิน (IEEPA) รวมถึงภาษี "Liberation Day" และภาษีที่เรียกเก็บก่อนหน้านี้จากสินค้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีน ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาของทรัมป์ว่าทั้งสามประเทศอำนวยความสะดวกให้ยาเฟนทานิลไหลเข้าสหรัฐฯ
ต่อมา ศาลอุทธรณ์ระงับการตัดสินดังกล่าวชั่วคราว ภาษีที่เป็นจุดศูนย์กลางของข้อพิพาททางกฎหมายคาดว่าจะยังคงมีผลบังคับใช้ระหว่างที่คดีดำเนินต่อไป
ร่างจดหมายถึงประเทศคู่ค้าเตือนไม่ให้เชื่อว่าภาษีจะถูกยกเลิกหากศาลตัดสินคัดค้านการใช้ IEEPA ของทรัมป์ โดยระบุว่า "ไม่ว่าจะมีการฟ้องร้องใดเกี่ยวกับการดำเนินการภาษีตอบโต้ของประธานาธิบดีในศาลสหรัฐฯ ประธานาธิบดีตั้งใจจะดำเนินโครงการภาษีนี้ต่อไปภายใต้อำนาจทางกฎหมายที่แข็งแกร่งอื่นๆ หากจำเป็น ดังนั้นจึงสำคัญที่เราต้องดำเนินการเจรจาในเรื่องนี้ต่อไป"