ทรัมป์ ประกาศยกระดับขึ้นภาษีเหล็ก-อลูมิเนียมเป็น 50% มีผล 4 มิ.ย.

31 พ.ค. 2568 | 02:50 น.
อัปเดตล่าสุด :31 พ.ค. 2568 | 02:58 น.

ทรัมป์ ประกาศเพิ่ม ภาษีนำเข้าเหล็ก-อลูมิเนียมเป็น 50% มีผล 4 มิ.ย. เสริมแกร่งอุตสาหกรรมในประเทศ เชื่อมโยงดีลนิปปอนสตีล 14.9 พันล้านดอลลาร์

31 พ.ย. 2568 - รอยเตอร์รายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี  ประกาศเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจาก 25% เป็น 50% ในการชุมนุมที่โรงงาน U.S. Steel Mon Valley Works เมื่อวันที่ 30 พ.ค. โดยมาตรการใหม่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพุธที่ 4 มิถุนายน

การปรับขึ้นภาษีครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การค้าที่ก้าวร้าวขึ้นของทรัมป์ ซึ่งมุ่งเป้าเสริมความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมเหล็กสหรัฐฯ และลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ การเพิ่มภาษีดังกล่าวจะทำให้สงครามการค้าของสหรัฐฯ กับประเทศต่างๆ ทวีความรุนแรงมากขึ้น

"เราจะเพิ่มภาษี 25% โดยยกระดับจาก 25% เป็น 50% สำหรับภาษีเหล็กที่นำเข้าสู่สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นคงให้อุตสาหกรรมเหล็กในสหรัฐฯ ยิ่งขึ้น" ทรัมป์กล่าวในการชุมนุมที่เวสต์ มิฟฟลิน รัฐเพนซิลเวเนีย

หอการค้าแคนาดาเคยออกมาประณามการขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมเมื่อเดือนมีนาคม โดยแคนเดซ เลนก์ ประธานหอการค้าแคนาดา ระบุว่า "การดำเนินการนี้ขัดต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของอเมริกาเหนือ การทำลายห่วงโซ่อุปทานข้ามพรมแดนที่มีประสิทธิภาพเช่นในอุตสาหกรรมเหล็กและอลูมิเนียมจะส่งผลเสียต่อทั้งสองประเทศ"

ขณะที่รัฐมนตรีการค้าออสเตรเลีย ดอน ฟาร์เรลล์ เคยออกแถลงการณ์วิพากษ์วิจารณ์ว่า "การเพิ่มภาษีนี้ไม่มีเหตุผลและไม่ใช่การกระทำของมิตรประเทศ เป็นการทำร้ายตนเองทางเศรษฐกิจที่จะเป็นอันตรายต่อผู้ซื้อและธุรกิจที่อาศัยการค้าเสรีและเป็นธรรม"

ขณะที่ตลาดเหล็กตอบสนองในเชิงบวกต่อการประกาศครั้งนี้ โดยราคาเหล็กในประเทศคาดว่าจะปรับตัวขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ราคาเหล็กในสหรัฐฯ อยู่ที่ 984 ดอลลาร์ต่อเมตริกตันในเดือนมีนาคม ซึ่งสูงกว่ายุโรป (690 ดอลลาร์) และจีน (392 ดอลลาร์) อย่างมีนัยสำคัญ

สหรัฐฯ เป็นผู้นำเข้าเหล็กรายใหญ่ที่สุดของโลกนอกเหนือจากสหภาพยุโรป โดยในปี 2024 นำเข้าเหล็กทั้งสิ้น 26.2 ล้านตัน ตามข้อมูลกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ การเพิ่มภาษีครั้งนี้จะผลักดันให้ราคาเหล็กขึ้นทั่วบอร์ด ส่งผลกระทบต่อทั้งอุตสาหกรรมและผู้บริโภค

ภาษีเหล็กและอลูมิเนียมอยู่ในกลุมมาตรการแรกๆ ที่ทรัมป์นำมาใช้เมื่อเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม โดยอัตราภาษี 25% สำหรับเหล็กและอลูมิเนียมส่วนใหญ่ที่นำเข้าสหรัฐฯ เริ่มมีผลตั้งแต่เดือนมีนาคม

ภายใต้อำนาจ Section 232 ด้านความมั่นคงแห่งชาติ ภาษีนำเข้าครอบคลุมทั้งโลหะดิบและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง รวม 289 ประเภทสินค้า ตั้งแต่อ่างล้างจานสแตนเลส เตาแก๊ส คอยล์ระบายความร้อนเครื่องปรับอากาศ เกือกม้า กระทะอลูมิเนียม ไปจนถึงบานพับประตูเหล็ก

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า มูลค่าการนำเข้าสินค้า 289 ประเภทนี้ในปี 2024 อยู่ที่ 147.3 พันล้านดอลลาร์ โดยเกือบสองในสามเป็นอลูมิเนียม และหนึ่งในสามเป็นเหล็ก

ทรัมป์ประกาศมาตรการนี้ในระหว่างการเยือนโรงงาน Mon Valley Works ของ U.S. Steel ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทั้งความแข็งแกร่งในอดีตและการเสื่อมถอยของอำนาจการผลิตสหรัฐฯ ในยุคที่โรงงานเหล็กและโรงงานอุตสาหกรรมในแถบ Rust Belt สูญเสียธุรกิจให้กับคู่แข่งต่างชาติ

ประธานาธิบดีเชื่อมโยงการเพิ่มภาษีกับข้อตกลงมูลค่า 14.9 พันล้านดอลลาร์ระหว่างนิปปอนสตีลของญี่ปุ่นและ U.S. Steel โดยระบุว่าทั้งการขึ้นภาษีและข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยรักษางานให้คนงานเหล็กในสหรัฐฯ

การเพิ่มภาษีครั้งนี้มีขนาดใหญ่กว่าการขึ้นภาษีสินค้าอุตสาหกรรมจีนสองรอบแรกในปี 2018 ซึ่งมีมูลค่าการนำเข้ารวม 50 พันล้านดอลลาร์ต่อปี สะท้อนให้เห็นถึงขนาดและผลกระทบที่กว้างขวางของนโยบายการค้าแบบใหม่ของทรัมป์

*แหล่งข้อมูล: รอยเตอร์, กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ, สำนักงานสถิติการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ*