KEY
POINTS
อุตสาหกรรมการเดินทางเพื่อธุรกิจทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตความเชื่อมั่นครั้งใหญ่ หลังจากรายงานล่าสุดของ Global Business Travel Association เผยให้เห็นภาพที่น่าตกใจ
ความรู้สึกในเชิงบวกของผู้เชี่ยวชาญในวงการดิ่งลงอย่างรวดเร็ว จาก 67% ในเดือนพฤศจิกายน 2567 เหลือเพียง 31% ในเดือนเมษายน 2568 หรือลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่งในเวลาเพียงไม่กี่เดือน
การสำรวจครั้งนี้รวบรวมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินทางเพื่อธุรกิจกว่า 900 ราย เพื่อประเมินผลกระทบจากนโยบายใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ประกาศในช่วงต้นปีนี้ รวมถึงการเพิ่มภาษีศุลกากร และมาตรการเข้มงวดเรื่องพรมแดน
Suzanne Neufang ซีอีโอของสมาคมฯ บอกกับ CNBC Travel ด้วยความกังวลว่า ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งนี้มาสี่ปี ไม่เคยเห็นระดับความไม่แน่นอนที่สูงขนาดนี้มาก่อน
ตัวเลขจากการสำรวจสะท้อนความกังวลนี้อย่างชัดเจน ผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่า 1 ใน 4 ในแคนาดา สหรัฐ และยุโรป แสดงความรู้สึก มองโลกในแง่ร้าย หรือ มองโลกในแง่ร้ายมาก เกี่ยวกับแนวโน้มอุตสาหกรรมในปีนี้
ส่วนผู้ตอบแบบสำรวจอีก 40% เลือกยืนในจุดกลาง โดยไม่แสดงความรู้สึกเชิงบวกหรือเชิงลบใดๆ
ความไม่แน่นอนนี้ส่งผลต่อการวางแผนธุรกิจโดยตรง การสำรวจพบว่า เกือบ 30% ของผู้ซื้อบริการท่องเที่ยวธุรกิจคาดว่าบริษัทจะลดการเดินทางของพนักงานในปีนี้ 20% กล่าวว่าไม่แน่ใจในทิศทางการเดินทางของบริษัท 27% คาดว่าการใช้จ่ายในการเดินทางเพื่อธุรกิจจะลดลง สะท้อนความไม่มีความมั่นใจพอที่จะบอกได้ว่าสิ่งต่างๆ จะดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้น
ผลกระทบจากนโยบายใหม่เริ่มปรากฏชัดแล้ว ผู้ซื้อบริการท่องเที่ยวธุรกิจ 1 ใน 3 ราย เปิดเผยว่า บริษัทได้เปลี่ยนแปลงหรือกำลังพิจารณาปรับนโยบายการเดินทางไป-มาสหรัฐ
ที่น่าสนใจคือ ประมาณ 6% กล่าวว่า บริษัทของตนได้ย้ายกิจกรรมจากสหรัฐไปยังประเทศอื่นแล้ว ซึ่งสถานการณ์นี้เป็นโอกาสสำหรับภูมิภาคอื่น เอเชียแปซิฟิก ยุโรป หรือแม้แต่ละตินอเมริกา มีโอกาสที่จะเป็นแหล่งที่มาของการประชุมเหล่านี้ มีโอกาสอื่นๆ อีกมากมายที่จะเป็นผู้ชนะในเกมการค้านี้
ผู้เชี่ยวชาญแสดงความกังวลหลายประการเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาว โดยเฉพาะ ต้นทุนการเดินทางเพื่อธุรกิจเพิ่มขึ้น (54%) ปัญหาในการดำเนินการวีซ่า (46%)
แม้จะมีความกังวล แต่ข้อมูลจาก FCM Consulting แสดงให้เห็นว่าค่าโดยสารเครื่องบินทั่วโลกลดลงเล็กน้อยประมาณ 17 เหรียญสหรัฐ หรือ 2.2% ในปีนี้
ทั้งนี้ ตลาดการเดินทางเพื่อธุรกิจทั่วโลกยังคงมีแนวโน้มเติบโตถึง 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2568 และคาดว่าจะทะลุ 2 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028
แม้ปริมาณการเดินทางเพื่อธุรกิจยังไม่กลับสู่ระดับก่อนโควิด-19 แต่การใช้จ่ายฟื้นตัวเต็มที่ในปี 2024 แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาวะเงินเฟ้อ ในอีกด้านหนึ่งมีการประเมินว่า สงครามการค้าอาจไม่ได้เป็นแค่ข่าวร้าย ในช่วงที่เกิดสงครามการค้า การเดินทางเพื่อธุรกิจอาจเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อหาพันธมิตรใหม่และสร้างตลาดใหม่
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นในตัวเลขการท่องเที่ยวสหรัฐฯ ที่คาดว่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลง 4.7% จากปี 2567 คิดเป็นมูลค่า 8.5 พันล้านดอลลาร์ สำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสหรัฐฯ ในปีที่เคยคาดหวังว่ารายได้จะเติบโตขึ้นอย่างมาก