กัมพูชาเปิดโต๊ะถกสหรัฐฯ หวังลดภาษี 49% เซฟอุตฯ ผลิตเสื้อผ้าแบรนด์ดัง

16 พ.ค. 2568 | 05:30 น.
อัปเดตล่าสุด :16 พ.ค. 2568 | 05:34 น.

กัมพูชาเริ่มเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ครั้งแรก หวังลดภาษี 49% ที่กระทบหนักต่อภาคส่งออกเสื้อผ้า-รองเท้า-แหล่งรายได้หลักของประเทศ หลัง Moody’s ปรับลดแนวโน้มเศรษฐกิจลง

กัมพูชาเดินหน้าเปิดโต๊ะเจรจาการค้ากับสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก ณ กรุงวอชิงตัน ท่ามกลางแรงกดดันจากภาษีนำเข้าสูงถึง 49% ที่ยังคงอยู่ภายใต้ยุคนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในอัตราภาษีที่สูงที่สุดที่สหรัฐฯ เคยใช้กับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกำลังส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจของกัมพูชา โดยเฉพาะภาคการผลิตสิ่งทอและรองเท้า ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศและพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก

ตามคำแถลงของรัฐบาลกัมพูชา การเจรจาครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์ภายใต้บรรยากาศที่ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันดี โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ถึงแม้ในแถลงการณ์จะไม่มีการกล่าวถึงประเด็นภาษีโดยตรง แต่การเดินทางของรองนายกรัฐมนตรี ซุน จันทอล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชาม นิมุล เพื่อพบกับซาราห์ เอลลเลอร์แมน ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ฝ่ายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของกัมพูชาในการจัดการกับปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยทั้งสองฝ่ายมีกำหนดจัดการเจรจารอบที่สองในช่วงต้นเดือนมิถุนายน

ปัจจุบัน สหรัฐฯ ถือเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของกัมพูชา โดยมูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ในปี 2024 อยู่ที่เกือบ 10,000 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 37.9% ของการส่งออกทั้งหมดของประเทศ หากการเจรจาไม่สามารถนำไปสู่การลดภาษีได้ อุตสาหกรรมสิ่งทอและรองเท้าที่เป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจมูลค่า 49.8 พันล้านดอลลาร์ของกัมพูชา อาจเผชิญแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่

ภาคการผลิตสินค้าส่งออกของกัมพูชามีบทบาทสำคัญในการจ้างงาน โดยเฉพาะโรงงานผลิตเสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าเครื่องแต่งกายให้กับแบรนด์ระดับโลก เช่น Adidas, H&M, Ralph Lauren และ Lacoste ซึ่งกำลังได้รับผลกระทบจากอัตราภาษีที่สูงผิดปกตินี้ กัมพูชาถือเป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ หนักที่สุด

ความไม่แน่นอนที่เกิดจากสถานการณ์นี้ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและสถาบันการเงินด้วย โดยล่าสุด Moody’s ได้ประกาศปรับลดแนวโน้มเศรษฐกิจของกัมพูชาจาก “มีเสถียรภาพ” เป็น “เชิงลบ” โดยอ้างถึงความเสี่ยงเชิงลบต่อศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็นผลจากการที่ยังไม่มีความชัดเจนว่า กัมพูชาจะสามารถบรรลุข้อตกลงที่เอื้อต่อการค้าได้หรือไม่

แม้สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จะยังไม่ให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ในเวลานอกเวลาทำการ แต่สัญญาณจากฝั่งกัมพูชาก็ชัดเจนว่า การลดภาษีคือวาระเร่งด่วนทางเศรษฐกิจที่ประเทศไม่สามารถรอได้อีกต่อไป ท่ามกลางการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้านและแรงกดดันจากตลาดโลก

การเจรจาในรอบถัดไปจึงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด ทั้งจากภาคธุรกิจ นักลงทุน ไปจนถึงแรงงานจำนวนมากที่พึ่งพาอุตสาหกรรมสิ่งทอและรองเท้าเป็นรายได้หลัก หากไม่มีความคืบหน้าเป็นรูปธรรม กัมพูชาอาจต้องเผชิญกับแรงเสียดทานทางเศรษฐกิจรอบใหม่ที่รุนแรงกว่าที่ผ่านมา