เวียดนามเปิดศึกสินค้าปลอม หวังลดแรงกดดันภาษีจากสหรัฐฯ

13 พ.ค. 2568 | 07:58 น.
อัปเดตล่าสุด :13 พ.ค. 2568 | 08:05 น.

เวียดนาม เร่งปราบสินค้าปลอมและซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ หวังลดแรงกดดันจากสหรัฐฯ หลังถูกรัฐบาลทรัมป์ขู่เก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 46%

เวียดนาม เร่งปราบปรามสินค้าปลอมและการละเมิดลิขสิทธิ์ดิจิทัล หลังถูกสหรัฐฯ กล่าวหาเป็นศูนย์กลางสำคัญของกิจกรรมผิดกฎหมายเหล่านี้ และขู่จะเก็บภาษีนำเข้าที่รุนแรง เอกสารที่รอยเตอร์ตรวจสอบพบ

เอกสารของกรมศุลกากร กระทรวงการคลังเวียดนาม ลงวันที่ 1 เมษายน ระบุว่า สินค้าที่จะถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดมากขึ้นที่จุดผ่านแดนเพื่อพิสูจน์ความแท้จริง รวมถึงสินค้าแบรนด์หรูของ Prada และ Kering เจ้าของแบรนด์ Gucci, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จาก Google และ Samsung และของเล่นจาก Mattel และ Lego

สินค้าบริโภค เช่น แชมพูและมีดโกนจาก Procter & Gamble และผลิตภัณฑ์ของ Johnson & Johnson ก็รวมอยู่ในรายการดังกล่าวด้วย ตามที่ระบุในเอกสาร

การปราบปรามครั้งนี้มุ่งเป้าไปที่สินค้าปลอมนำเข้า ไม่ใช่สินค้าที่ผลิตภายในเวียดนามเอง ซึ่งก็ยังคงเป็นประเด็นที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กังวลเช่นกัน

การปราบปรามการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์

ตามคำเตือนจากผู้ตรวจสอบของกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งส่งถึงบริษัทท้องถิ่นแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 14 เมษายน (ชื่อบริษัทถูกปิดไว้ในเอกสารที่รอยเตอร์ได้รับ) จดหมายฉบับดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากการร้องเรียนของ Business Software Alliance (BSA) ซึ่งเป็นสมาคมการค้าระดับโลกของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ โดยมีสมาชิกอย่าง Microsoft, Oracle และ Adobe

รอยเตอร์รายงานว่า บุคคลหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้กล่าวว่า มีจดหมายลักษณะเดียวกันนี้ถูกส่งไปยังบริษัทหลายสิบแห่งตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน กระทรวงการคลัง กระทรวงวัฒนธรรม และกรมศุลกากรของเวียดนาม ไม่ได้ตอบคำขอให้แสดงความคิดเห็น เช่นเดียวกับบริษัทที่ถูกกล่าวถึงทั้งหมด

โฆษกของ BSA กล่าวว่าทางองค์กรได้เรียกร้องให้เวียดนามตรวจสอบและดำเนินการกับการใช้ซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้รับอนุญาตมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเวียดนามเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการหลายด้านที่ประเทศอุตสาหกรรมซึ่งพึ่งพาการส่งออกแห่งนี้ได้นำมาใช้หรือให้คำมั่นว่าจะดำเนินการ เพื่อโน้มน้าวให้รัฐบาลทรัมป์ทบทวนมาตรการเก็บภาษีนำเข้าที่ลงโทษ

เวียดนามกำลังเผชิญกับภาษีนำเข้าสูงถึง 46% สำหรับสินค้าที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของเวียดนาม หากมีการยืนยันในเดือนกรกฎาคม หลังจากช่วงพักการบังคับใช้มาตรการทั่วโลก

เวียดนาม-สหรัฐฯ เริ่มต้นการเจรจาอย่างไม่เป็นทางการ

เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าดังกล่าวก่อนที่ทรัมป์จะประกาศใช้มาตรการภาษีแบบต่างตอบแทน ทั่วโลกในวันที่ 2 เมษายน

การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น รวมถึงการต่อสู้กับสินค้าปลอมและการละเมิดลิขสิทธิ์ดิจิทัล เป็นหนึ่งในประเด็นที่กำลังหารือกับสหรัฐฯ ในการเจรจาเรื่องภาษีอย่างต่อเนื่อง

ประเด็นอื่นที่อยู่ระหว่างการเจรจา ได้แก่ การลดดุลการค้าเกินดุลของเวียดนาม การปราบปรามการฉ้อโกงทางการค้า เช่น การเปลี่ยนถ่ายสินค้าที่ผิดกฎหมาย และการลดอุปสรรคด้านภาษีและมิใช่ภาษีสำหรับธุรกิจสหรัฐฯ 

นายกรัฐมนตรีฟาม มิงห์ จิ๋ง ของเวียดนาม สั่งการเมื่อเดือนที่แล้วให้เร่งปราบปรามการฉ้อโกงทางการค้า โดยเฉพาะในเรื่องแหล่งกำเนิดสินค้าและสินค้าปลอมมาตรการเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของรัฐบาลวอชิงตัน แต่อาจสร้างความไม่พอใจให้กับจีน ซึ่งเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าหลักของเวียดนาม