ตลาดอาหารเวียดนามโต สคต.ฮานอย แนะไทยเจาะตลาดผู้บริโภค 100 ล้านคน

20 เม.ย. 2568 | 03:53 น.
อัปเดตล่าสุด :20 เม.ย. 2568 | 04:21 น.

สนง. สคต.ฮานอย รายงานแนวโน้มการบริโภคอาหาร มีศักยภาพในการเติบโต เพราะมีประชากรจำนวนกว่า 100.3 ล้านคน อาหารเพื่อสุขภาพ-ออร์แกนิกมาแรง โอกาสทองสินค้าไทยรุกตลาด

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า สถานการณ์ตลาดและแนวโน้มการบริโภคตลาดสินค้าอาหารเวียดนามเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต เนื่องจากเวียดนามมีประชากรจำนวนกว่า 100.3 ล้านคน ประชากรอายุ 15-54 ปี คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 62 และผู้บริโภคมีรายได้เพิ่มขึ้นตาม

ทั้งนี้การขยายตัวทางเศรษฐกิจ การเติบโตของประชากร และการปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพทำให้เวียดนามมีความต้องการผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม ให้ข้อมูลว่าการบริโภคในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของเวียดนามมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 15 ของ GDP ต่อปี และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต รายได้จากตลาดอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของเวียดนามจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

โดยปี 2567 มีมูลค่ากว่า 720 ล้านล้านด่ง (970,533 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.92 เมื่อเทียบกับปี 2566 ตามรายงานของ iPOS.vn คาดการณ์ว่าในปี 2568 อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มใน เวียดนามจะเติบโตร้อยละ 9.6 ผู้บริโภคเวียดนามให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารมากขึ้น จึงนิยมผลิตภัณฑ์ อาหารและเครื่องดื่มออร์แกนิก อาหารเพื่อสุขภาพ และอาหารแปรรูปตามมาตรฐานสากล 

อีกทั้งยังผลักดันให้ผู้ประกอบการต่างๆ ลงทุนมากขึ้นในกระบวนการผลิต เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและสุขอนามัยของอาหาร ปัจจุบัน เครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเวียดนาม เช่น น้ำผลไม้สด ชาสมุนไพร เครื่องดื่มเสริมโปรไบโอติกรวมถึงเครื่องดื่มจากพืช เช่น นมอัลมอนด์ และนมข้าวโอ๊ต

กรมสถิติเวียดนามระบุว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 ยอดค้าปลีกสินค้าอาหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สถานการณ์การผลิตภายในประเทศ ความต้องการนำเข้าเวียดนามเป็นประเทศที่มีผลผลิตทางการเกษตรและประมงปริมาณมาก ในช่วงปีที่ผ่านมา เวียดนามเป็นประเทศส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่โดยเฉพาะสินค้าสัตว์น้ำ ผลไม้ มะม่วงหิมพานต์ ข้าว กาแฟ ชา และพริกไทย เป็นต้น 

ตามสถิติของกรมศุลกากรเวียดนาม ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 เวียดนามส่งออกสินค้าสัตว์น้ำมูลค่า 2,311 ล้านดอลลาร์ (+19.2%) ผลไม้ 1,164 ล้านดอลลาร์ (-9.2%) กาแฟ 2,811 ล้านดอลลาร์ (+45.8%) ข้าว 1,205 ล้านดอลลาร์ (-15%) มะม่วงหิมพานต์ 839 ล้านดอลลาร์ (+4.0%) พริกไทย 324 ล้านดอลลาร์ (+37.8%) และขนมและผลิตภัณฑ์ทำจากธัญพืช 293 ล้านดอลลาร์ (+12.9%)

ทั้งนี้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของภาคการแปรรูปอาหารของเวียดนามเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2567 อุตสาหกรรมเครื่องดื่มลดลงร้อยละ 0.7ในเดือนมีนาคม 2568 ดัชนีราคาอาหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.54 จากเดือนก่อน โดยราคาสินค้าเพิ่มขึ้น เช่น สัตว์น้ำ (+1.18%) แป้งสาลี(+0.46%) ผลไม้ (+2.01%) ขนม (+0.15%) เนื้อหมู (+1.74%) และเนื้อสัตว์ปีก (+1.06%) ในขณะที่ราคาข้าวลดลงร้อยละ 0.54 เป็นต้น

 ข้อมูลสถิติการค้าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 จากสถิติของกรมศุลกากรเวียดนาม ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 มูลค่าการนำเข้าและส่งออกสินค้า อาหารของเวียดนาม ดังนี้

การนำเข้า

เวียดนามนำเข้าสินค้าอาหารทั้งหมดมูลค่า 3,879 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (โดยช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 มีมูลค่า 3,221 ล้านดอลลาร์) ตลาดนำเข้าหลัก คือ อินโดนีเซีย (388 ล้านดอลลาร์) จีน (381 ล้านดอลลาร์) สหรัฐฯ (296 ล้านดอลลาร์) มาเลเซีย (116 ล้านดอลลาร์) และไทย (210 ล้านดอลลาร์) เป็นต้น 

การส่งออก

เวียดนามส่งออกสินค้าอาหารทั้งหมดมูลค่า 8,989 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (โดยช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 มีมูลค่า 7,908 ล้านดอลลาร์ ตลาดส่งออกสำคัญของ เวียดนาม ได้แก่ จีน (1,282 ล้านดอลลาร์) สหรัฐฯ (997 ล้านดอลลาร์) ฟิลิปปินส์ (622 ล้านดอลลาร์) ญี่ปุ่น (670 ล้านดอลลาร์) เกาหลีใต้ (347 ล้านดอลลาร์) และไทย (210 ล้านดอลลาร์) เป็นต้น

โอกาสสินค้าไทย 

สินค้าอาหารของไทยยังคงมีศักยภาพในตลาดเวียดนาม เนื่องจากผู้บริโภคเวียดนามนิยมสินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าขนม เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ อาหารและเครื่องดื่มออร์แกนิก อาหารเพื่อสุขภาพ และเครื่องปรุง อาหาร เป็นต้น เนื่องจากคุณภาพดีและราคาเหมาะกับรายได้ของคนเวียดนาม

อุปสรรค

ตลาดสินค้าอาหารเวียดนามมีการแข่งขันสูง เนื่องจากมีผู้ผลิตรายใหญ่หลายราย รวมทั้งสินค้านำเข้าจากประเทศต่างๆ เช่น จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ยุโรป อินโดนีเซีย และมาเลเซีย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ผู้ประกอบการเวียดนามมีแนวโน้มนำเข้าสินค้าอาหารจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพื่อลดการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นอุปสรรค สำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะต้องแข่งขันกับสินค้าที่ผลิตในเวียดนามและสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้าอื่นๆ

กลยุทธเจาะตลาดและแผนงานผลักดัน

รายงานสถานการณ์การค้าในเวียดนาม ให้ผู้ประกอบการไทยได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อสามารถกำหนดแผนการตลาดได้อย่างถูกต้องและทันต่อสถานการณ์ และการดำเนินโครงการส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าอาหารไทยและธุรกิจบริการอาหารไทย โดย การประชาสัมพันธ์ตรา Thai Select (ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์)

รวมถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้า และประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์สินค้าไทยผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ เช่น งาน Mini Thailand Week รวมทั้งกิจกรรม In-store Promotion และโครงการส่งเสริมตรา T Mark กับ ซุปเปอร์มาร์เก็ตและผู้นำเข้า และการส่งเสริมสินค้าไทยผ่าน Influencer, Youtuber หรือ Key Opinion Leader

สคต. ฮานอย ให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมว่า สมาคมอาหารเวียดนาม ปัจจุบัน ราคาข้าวขาว 5% อยู่ที่ 400 ดอลลาร์ต่อตัน เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์ต่อตัน เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวก สำหรับอุตสาหกรรมส่งออกข้าวของเวียดนาม ส่วนราคาข้าวขาว 100% ราคา 325 ดอลลาร์ต่อตัน เพิ่มขึ้น 12 ดอลลาร์ต่อตัน และข้าวขาว 25% อยู่ที่ 369 ดอลลาร์ต่อตัน 

กระทรวงเกษตรและสิ่งแวดล้อมของเวียดนาม ระบุว่า ในเดือน มีนาคม 2568 แม้ว่าราคาข้าวจะลดลงจากช่วงก่อน แต่การส่งออกข้าวของเวียดนาม ยังคงเพิ่มขึ้นร้อยละ 54.8 ในด้านปริมาณ และร้อยละ 48 ในด้านมูลค่า เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ในช่วงสามเดือนแรกของปี 2568 เวียดนามส่งออกข้าวปริมาณ 2.3 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 1,210 ล้านดอลลาร์

สำหรับนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะไม่ส่งผลกระทบต่อข้าวเวียดนามเพราะเวียดนามส่งออกข้าวไปยังสหรัฐฯ ไม่มากนัก ในระหว่างการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการของนาย สีจิ้น ผิง เลขาธิการและประธานาธิบดีจีน ตั้งแต่วันที่ 14 -15 เมษายน 2568 เวียดนามและจีนได้มีการลงนามพิธีสารเกี่ยวกับการส่งออกพริก เสาวรส รังนก และรำข้าวไปยังจีน

ปัจจุบัน เวียดนามมีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ส่งออกไปยังประเทศจีนอย่างเป็นทางการ 14 รายการ ได้แก่ แตงโม มังคุด ทุเรียน กล้วย แก้วมังกร เงาะ มะม่วง ลิ้นจี่ ลำไย ขนุน เสาวรส มันเทศ พริก และ เฉาก๊วย