เตือนคนไทย! ห้ามพก 7 ยาต้องห้ามเข้าเกาหลีใต้ เสี่ยงคุก 10 ปี ปรับ 2.3 ล้าน

08 พ.ค. 2568 | 11:00 น.

อัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล เตือนเข้ม! คนไทยห้ามพกยา 7 ชนิดที่มีสารเสพติดเข้าเกาหลีใต้ ฝ่าฝืนเสี่ยงโทษคุกสูงสุด 10 ปี ปรับ 2.3 ล้านบาท พร้อมเร่งประสานสายการบินแจ้งเตือนก่อนบิน

(8 พฤษภาคม 2568) นายบัญชา ยืนยงจงเจริญ อัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ได้เข้าหารือกับนาย Cho Moon-Ki ผู้อำนวยการกองสืบสวนระหว่างประเทศ กรมศุลกากรสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐเกาหลีในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด รวมถึงการลดจำนวนคนไทยที่กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในเกาหลีใต้ โดยมีนางกันติชา ไหลเจริญกิจ หัวหน้าฝ่ายกงสุล เข้าร่วมหารือในครั้งนี้ด้วย

จากการหารือดังกล่าว กรมศุลกากรเกาหลีใต้ได้แจ้งข้อมูลสำคัญต่อฝ่ายไทยว่า ที่ผ่านมามีชาวต่างชาติรวมถึงคนไทยจำนวนไม่น้อย ที่นำยารักษาโรคเข้ามาในประเทศ โดยไม่ทราบว่าตัวยาบางชนิดนั้นมีส่วนผสมของ “สารเสพติด” ตามกฎหมายของเกาหลีใต้ เช่น ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ หรือยาคลายเครียด ซึ่งการนำเข้ายาดังกล่าว ไม่ว่าจะโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือโดยเจตนา ถือเป็นความผิดร้ายแรงตามกฎหมายของประเทศเกาหลีใต้

ผู้ฝ่าฝืนมีสิทธิ์ถูกลงโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และต้องเสียค่าปรับไม่เกิน 100 ล้านวอน หรือประมาณ 2.3 ล้านบาท ซึ่งเป็นบทลงโทษที่สะท้อนถึงความเข้มงวดในการควบคุมสารเสพติดของเกาหลีใต้ และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยในอนาคต

สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงได้ออกแถลงเตือนอย่างเป็นทางการถึงคนไทย โดยขอให้หลีกเลี่ยงการนำยาทั้ง 7 ชนิด ซึ่งมีส่วนผสมของสารต้องห้ามตามกฎหมายเกาหลีใต้เข้าประเทศ และแนะนำว่า ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ยาดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์ภายในประเทศเกาหลีใต้แทน เนื่องจากสามารถรับยาอื่นที่มีฤทธิ์รักษาโรคเดียวกันได้จากสถานพยาบาลในประเทศนั้น

นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ยังได้เสนอให้กรมศุลกากรของเกาหลีใต้แจ้งสายการบินทั้ง 10 แห่ง ที่มีเส้นทางบินตรงระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐเกาหลี ให้มีการแจ้งเตือนผู้โดยสารล่วงหน้า ก่อนเช็คอินขึ้นเครื่อง เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และหลีกเลี่ยงการพกพายาต้องห้ามโดยไม่รู้ตัว

มาตรการเตือนภัยล่วงหน้าผ่านสายการบิน ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาในเชิงป้องกัน ก่อนที่ผู้โดยสารจะเข้าสู่ขั้นตอนศุลกากรของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งการถูกจับกุมจากการพกพายาโดยไม่รู้ตัวนั้น อาจส่งผลต่อทั้งคดีความ การถูกควบคุมตัว และประวัติอาชญากรรมที่ส่งผลต่อโอกาสในการเดินทางหรือทำงานในอนาคต

กรณีนี้ถือเป็นสัญญาณเตือนสำคัญสำหรับคนไทยทุกคนที่กำลังจะเดินทางไปยังประเทศเกาหลีใต้ โดยเฉพาะในยุคที่การท่องเที่ยว การทำงาน และการศึกษาในต่างประเทศเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น ความเข้าใจผิดเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่ผลกระทบที่ใหญ่หลวง

ทั้งนี้ แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อยาทั้ง 7 ชนิดอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ แต่ผู้เดินทางควรเพิ่มความระมัดระวัง โดยเฉพาะยารักษาโรคที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท ยากล่อมประสาท หรือยาที่ต้องมีใบสั่งแพทย์ ควรตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนนำติดตัวไปต่างประเทศ และควรพกใบรับรองจากแพทย์หรือเอกสารประกอบเสมอ

ภาพจาก 주한태국대사관 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล Royal Thai Embassy, Seoul

ภาพจาก 주한태국대사관 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล Royal Thai Embassy, Seoul

สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นในการเดินทางไปยังประเทศเกาหลีใต้ในช่วงนี้ ควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดจากเว็บไซต์และช่องทางของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น และไม่ต้องเผชิญกับปัญหาทางกฎหมายที่ไม่คาดคิด