“จักรภพ”เตือนวิกฤตอินเดีย–ปากีสถานส่อลาม หากไร้ตัวกลางหย่าศึก

07 พ.ค. 2568 | 07:38 น.
อัปเดตล่าสุด :07 พ.ค. 2568 | 07:48 น.

“จักรภพ”เตือนวิกฤตอินเดีย–ปากีสถานอาจลุกลาม หากไร้ตัวกลางหย่าศึก ชี้ “ซาอุฯ” เหมาะสมรับบทผู้นำสร้างสันติ แนะไทยนำมาเป็นบทเรียนจัดการความมั่นคง

นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นต่อกรณีความตึงเครียดระหว่างอินเดีย และ ปากีสถาน หลังมีรายงานว่า กองทัพอากาศอินเดียได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในพื้นที่ของปากีสถานรวม 9 จุด เพื่อตอบโต้เหตุการณ์ลอบโจมตีนักท่องเที่ยวในแคว้นแคชเมียร์ ซึ่งอินเดียระบุว่าปากีสถานอยู่เบื้องหลัง

นายจักรภพ ชี้ว่า สถานการณ์ครั้งนี้อาจนำไปสู่ความรุนแรงในระดับที่กว้างขึ้น หากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยเฉพาะเมื่อทั้งอินเดียและปากีสถาน ต่างเป็นประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ หากมีฝ่ายใดใช้ก่อน จะนำไปสู่การตอบโต้ และอาจลุกลามกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์ หรือแม้แต่สงครามโลก อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ายังมีปัจจัยที่ช่วยบรรเทาความตึงเครียด และคาดว่าเหตุการณ์นี้อาจค่อย ๆ เย็นลงภายใน 3-6 เดือน

นายจักรภพ กล่าวด้วยว่า เหตุปะทะในครั้งนี้เกี่ยวโยงกับปมขัดแย้งประวัติศาสตร์ระหว่างสองประเทศ ที่มีมาตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ เมื่อปี 1947 โดยเฉพาะข้อพิพาทเรื่องดินแดนแคชเมียร์ ซึ่งยังไม่มีข้อยุติจนถึงปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายมีประสบการณ์ร่วมกันในการทำสงครามและการหย่าศึก รู้วิธีจะรบกันและจะหยุดรบ 

ขณะเดียวกัน ความซับซ้อนของสถานการณ์ภายในปากีสถานเอง โดยเฉพาะบทบาทของกองทัพและหน่วยข่าวกรอง ISI ที่มีอิทธิพลสูง และมักทำงานแยกขาดจากรัฐบาลพลเรือน ยิ่งทำให้การจัดการปัญหาซับซ้อนยิ่งขึ้น

ส่วนใครเหมาะสมที่จะเป็นตัวกลางในการหย่าศึกในครั้งนี้ อดีตรมต.ประจำสำนักนายฯ กล่าวว่า โดยส่วนตัวมองว่า จากการให้สัมภาษณ์ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็ไม่มีท่าทีชัดเจนว่าจะเข้ามายุ่งเกี่ยว โดยกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า ก็รบกันมานานและก็คงจะยืดเยื้อไปอีกหลายปี  

ขณะที่ประเทศมุสลิมอื่น ๆ เช่น อิหร่าน อาจถูกมองว่าเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดังนั้น ซาอุดิอาระเบีย โดยเฉพาะมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน จึงอาจเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการหย่าศึก เนื่องจากมีภาพลักษณ์สายกลางและได้รับการยอมรับในเวทีระหว่างประเทศ 

“ถ้าไม่มีตัวกลางที่มีอำนาจและบารมีพอ ความขัดแย้งอาจปะทุซ้ำจากแรงยุยงภายในประเทศ จนลุกลามเป็นสงครามขนาดใหญ่ได้ ซึ่งไม่มีฝ่ายใดต้องการ การยุติความรุนแรงโดยต่างฝ่ายต่างถอย อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้” 

นายจักรภพ ยังเตือนให้ทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทย หันมาศึกษาบทเรียนจากความขัดแย้งของเพื่อนบ้าน เพื่อเรียนรู้วิธีป้องกันและจัดการปัญหาความมั่นคงในภูมิภาคอย่างสันติ