วันนี้(วันที่ 7 พฤษภาคม 2567) จากสถานการณ์ตึงเครียดยิงถล่มระหว่างอินเดียและปากีสถานได้ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 7 พ.ค. หลังจากอินเดียได้ยิงขีปนาวุธโจมตีเป้าหมาย 9 แห่งในปากีสถานและแคชเมียร์ฝั่งปากีสถาน นับเป็นการปะทะที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปีระหว่างประเทศเพื่อนบ้านที่มีอาวุธนิวเคลียร์ทั้งสองประเทศ
ล่าสุดบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ออกประกาศโดยระบุว่าตามที่ประเทศปากีสถานประกาศปิดน่านฟ้าและสนามบินภายในประเทศบางแห่ง จากกรณีความขัดแย้งในภูมิภาคเอเชียใต้ ส่งผลกระทบต่อเส้นทางบินของเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ทำการบินผ่านน่านฟ้าประเทศปากีสถานตั้งแต่ช่วงนั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ขอแจ้งให้ทราบว่าบริษัทมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเส้นทางบินของเที่ยวบินของบริษัทฯ ในเส้นทางบินยุโรปและเอเชียใต้ ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันพุธที่ 7 พฤษภาคม 2568 ส่งผลกระทบให้อาจเกิดความล่าช้าของเที่ยวบินบางเที่ยวบินในเส้นทางดังกล่าว
บริษัทฯ จะติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยขอความกรุณาผู้โดยสารที่จะเดินทางในเส้นทางดังกล่าว ติดตามข่าวสารและตรวจสอบตารางการบิน
จุดหมายปลายทางล่าช้าจากตารางบิน ในเที่ยวบินดังต่อไปนี้
•เที่ยวบินที่ทำการบินไปยังจุดหมายปลายทางตามตารางบินปกติ ได้แก่
•สำหรับเที่ยวบิน TG346 เส้นทาง ละฮอร์-กรุงเทพฯ ปรับเวลาเที่ยวบิน จากเดิมออกเดินทางจากละฮอร์ ในวันที่ วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 เวลา 23.40 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึง กรุงเทพฯเวลา 06.10 เปลี่ยนเป็น
ออกเดินทางจากละฮอร์ วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 เวลา 14.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงกรุงเทพฯ เวลา 20.30 น.
ขณะที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย CAAT หรือ กพท.แจ้งเตือนผู้โดยสารตรวจสอบการเดินทาง หลังสายการบินต้องปรับเปลี่ยนเส้นทาง จากเหตุความขัดแย้งอินเดีย-ปากีสถาน
โดยระบุว่าจากกรณีความขัดแย้งระหว่างประเทศอินเดียและปากีสถานในขณะนี้ ส่งผลให้หลายสายการบินต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางการบิน เพื่อหลีกเลี่ยงน่านฟ้าปากีสถานซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงด้านความปลอดภัยทางอากาศ และอาจส่งผลให้บางเที่ยวบิน โดยเฉพาะเส้นทางระหว่างประเทศไทยและยุโรป ต้องปรับเปลี่ยนเวลาการเดินทาง
รวมถึงจากเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮูตี ที่มีปฏิบัติการโจมตีทางอากาศตอบโต้กันของสองฝ่าย ส่งผลกระทบต่อการเดินทางทางอากาศที่ต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางเพื่อหลบเลี่ยงพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ขอแนะนำให้ผู้โดยสาร โดยเฉพาะผู้ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เช่น การต่อเที่ยวบินในประเทศที่สาม ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และติดต่อกับสายการบินที่ใช้บริการเพื่อรับทราบข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้สามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ CAAT ยังขอให้ผู้โดยสารที่อาจได้รับผลกระทบ ตรวจสอบสิทธิของผู้โดยสารตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองตามสิทธิในการเดินทางอย่างครบถ้วน
ทั้งนี้ CAAT จะติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นสำคัญ
รายละเอียดความคืบหน้าได้ทางเฟซบุ๊คฝ่ายสื่อสารองค์กรของบริษัท THAI Corporate Communication