สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังไม่มีทีท่าจะคลี่คลายลงโดยง่าย ล่าสุดโรงงานจากแดนมังกรเลือกที่จะไม่ถอย หากแต่เปลี่ยนแนวรบจากเวทีนโยบายเศรษฐกิจ มาสู่โลกออนไลน์ มุ่งเป้าแพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคยุคใหม่ใช้ติดตามเทรนด์ ความบันเทิง และแหล่งช้อปปิ้งทางเลือก
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โลกออนไลน์ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ถูกถาโถมด้วยคลิปวิดีโอจากผู้ใช้ TikTok ชาวจีนที่อ้างตัวว่าเป็นโรงงานผลิตสินค้าให้กับแบรนด์หรูระดับโลก ตั้งแต่กระเป๋ารุ่นดังไปจนถึงสินค้าลักชัวรีมากมาย พร้อมเชิญชวนผู้ชมทำการสั่งตรงจากโรงงานแบบไม่ผ่านคนกลาง
หนึ่งในวิดีโอที่กลายเป็นไวรัล คือชายหนุ่มชายจีนที่ปรากฏตัวพร้อมฉากหลังเป็นกำแพงกระเป๋าคล้ายแบรนด์หรู พร้อมระบุว่าตนเองคือผู้ผลิตตัวจริง (OEM) ให้แบรนด์หรูหลายเจ้า
แม้ TikTok จะลบวิดีโอดังกล่าวในภายหลัง แต่คลิปประเภทนี้ได้ก่อให้เกิดกระแสที่สะเทือนถึงพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น แอปฯ จีนหนึ่ง ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการขายของก๊อบปี้จากจีน ก็ทะยานขึ้นสู่อันดับ 2 ใน App Store ของสหรัฐฯ
ด้านผู้เชี่ยวชาญต่างแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า โรงงานที่ออกมาแสดงตัวในคลิปเหล่านี้ “อาจไม่ใช่ผู้ผลิตของจริง” เพราะโดยปกติแล้ว OEM หรือ ผู้รับจ้างผลิตสินค้าให้กับบริษัทที่จะไปขายในแบรนด์ของตัวเอง ที่รับจ้างผลิตให้แบรนด์ใหญ่จะต้องเซ็นสัญญาไม่เปิดเผยข้อมูล (NDA) อย่างเข้มงวด และไม่มีทางเปิดเผยความลับผ่านโซเชียลมีเดียเช่นนี้
แบรนด์ดังซึ่งถูกพาดพิงอย่างหนักในคลิปหนึ่งที่อ้างว่า “โรงงานในเมืองอี้อู” เป็นผู้ผลิตกางเกงโยคะรุ่นฮิต ราคาเพียง 5–6 ดอลลาร์ จากราคาปลีกปกติที่ 98 ดอลลาร์ ได้ออกแถลงการณ์โต้ทันควัน โดยยืนยันว่า “บริษัทไม่ได้ทำงานร่วมกับโรงงานใดๆ ตามที่ถูกกล่าวอ้างในวิดีโอ และขอเตือนให้ผู้บริโภคระวังสินค้าลอกเลียนแบบและข้อมูลที่อาจเป็นเท็จ”
รายชื่อซัพพลายเออร์ล่าสุดที่แบรนด์ดังกล่าวเปิดเผยเมื่อเดือนเมษายน 2025 ไม่พบชื่อโรงงานในคลิปดังกล่าว แม้ว่าบริษัทจะมีผู้ผลิตในจีนจริง แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับโรงงานในเวียดนาม เปรู และกัมพูชา
เช่นเดียวกับแบรนด์ไฮแฟชั่นชื่อดังสัญชาติฝรั่งเศสแบรนด์หนึ่งที่ออกมายืนยันก่อนหน้านี้ว่า “ไม่เคยผลิตสินค้าใดๆ ในจีน” ท่ามกลางกระแสที่คลิป TikTok หลายชิ้นพยายามโยงโรงงานจีนว่าเป็นผู้ผลิตสินค้าแบรนด์หรูหลายเจ้าด้วยราคาที่ถูกอย่างไม่น่าเชื่อ
Regina Frei ศาสตราจารย์ด้านระบบความยั่งยืนแห่ง University of the Arts London อธิบายว่า ความซับซ้อนของซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมลักชัวรีทำให้ยากจะตอบได้ว่า “สินค้าจากแบรนด์หรูผลิตที่ไหนกันแน่?” แม้บางส่วนของกระเป๋าหรือกลไกนาฬิกาอาจถูกเตรียมจากจีน แล้วส่งไปประกอบขั้นสุดท้ายในอิตาลีหรือฝรั่งเศส แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ “การสั่งสินค้าจากแพลตฟอร์มในโลกออนไลน์เหล่านี้ ย่อมไม่สามารถรับประกันมาตรฐานความปลอดภัย คุณภาพ หรือแม้แต่การรับประกันสินค้า”
การจัดส่งสินค้ารายชิ้นจากจีนไปทั่วโลกยังกลายเป็น “หายนะด้านสิ่งแวดล้อม” จากการใช้พลาสติกห่อซ้ำซ้อนและการขนส่งทางอากาศที่ทิ้งรอยเท้าคาร์บอนไว้อย่างมหาศาล ขณะที่สินค้าราคาถูกจำนวนมากมักกลายเป็นขยะในเวลาไม่นาน Regina Frei ชี้ว่า “หากจีนหยุดผลิตสินค้าขึ้นมา ร้านค้าในโลกตะวันตกอาจว่างเปล่าในทันที”
การระบาดของคลิป “โรงงานจีนขายตรง” นี้ เกิดขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของนโยบายภาษีสหรัฐฯ ที่จะยกเลิกข้อยกเว้นภาษีสำหรับสินค้านำเข้าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม 2025 ซึ่งนักวิเคราะห์หลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นแรงผลักสำคัญให้เกิดการรุกตลาดแบบนี้จากฝั่งจีน
แม้ว่าบางผู้ใช้ TikTok จะสนับสนุนการซื้อสินค้าราคาถูกโดยไม่สนต้นตอ โดยมีคอมเมนต์หนึ่งเขียนว่า “ตอนนี้แหละ สงครามการค้าของจริง” แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า อุตสาหกรรมสินค้าลอกเลียนแบบยังคงเป็นปัญหาใหญ่ โดยในปี 2023 ศุลกากรสหรัฐฯ ยึดสินค้าปลอมมูลค่ากว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์จากจีน
ในภาพรวม ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่แค่เรื่องกางเกงโยคะหรือกระเป๋าหรู หากแต่สะท้อนถึงยุทธศาสตร์ระยะยาวของจีนในการใช้พลังการผลิตเป็นเครื่องต่อรองในเวทีโลก พร้อมๆ กับการตอบโต้ทางอ้อมต่อภาษีและนโยบายกีดกันทางการค้า ด้วยวิธีที่คาดไม่ถึง สงครามการค้าในศตวรรษนี้ อาจไม่ได้อยู่ในสนามเจรจาอีกต่อไป แต่อยู่ในคลิปสั้นๆ ความยาว 15 วินาที ที่อาจเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคทั้งโลกได้อย่างไม่คาดฝัน
อ้างอิง: Economictimes, CNN