Apple รุดส่ง iPhone 1.5 ล้านเครื่องจากอินเดีย หวังหนีภาษีทรัมป์

10 เม.ย. 2568 | 10:08 น.
อัปเดตล่าสุด :10 เม.ย. 2568 | 10:15 น.


Apple ลุยส่ง iPhone หนัก 600 ตัน หรือราว 1.5 ล้านเครื่องจากอินเดียเข้าอเมริกา หวังหนีภาษีทรัมป์พุ่ง 125% ดันการผลิต–ส่งออกเต็มสปีด อินเดียกลายเป็นฐานผลิตหลักแทนจีน

Apple เดินเกมด่วน ส่ง iPhone หนักรวมกว่า 600 ตัน หรือราว 1.5 ล้านเครื่อง ขึ้นเครื่องบินลำเลียงพิเศษจากอินเดียเข้าสู่สหรัฐฯ ท่ามกลางแรงกดดันจากการขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ปรับขึ้นสูงสุดถึง 125% สำหรับสินค้าจากจีนซึ่งเป็นแหล่งผลิตหลักของ Apple มาอย่างยาวนาน

แหล่งข่าวเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนถึงกลยุทธ์ลับของ Apple ที่พยายามเร่งจัดส่งสินค้าเข้าสหรัฐฯ ล่วงหน้า เพื่อกักตุนสินค้าก่อนอัตราภาษีใหม่จะมีผลเต็มรูปแบบ และลดการพึ่งพาการผลิตจากจีนที่กลายเป็นเป้าหมายหลักของนโยบายการค้าแข็งกร้าวของทรัมป์

โดยเฉพาะเมื่อการนำเข้า iPhone จากจีนต้องเผชิญภาษีในอัตราสูงถึง 125% เทียบกับเพียง 26% สำหรับสินค้าจากอินเดีย ซึ่งแม้จะถูก “พัก” ไว้ชั่วคราวเป็นเวลา 90 วันตามคำสั่งล่าสุดของทรัมป์ แต่ก็ยังไม่รวมสินค้าที่มาจากจีน ส่งผลให้ Apple ต้องเร่งนำเข้า iPhone จากอินเดียมากขึ้นทันที

แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า “Apple ต้องการชิงหนีภาษีให้ทัน” ซึ่งเป็นเหตุผลให้บริษัทผลักดันแผนการส่งออกครั้งใหญ่ ด้วยการล็อบบี้เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานในเมืองเจนไน ประเทศอินเดีย ให้ลดเวลาการตรวจปล่อยสินค้าในพิธีการศุลกากรลงจาก 30 ชั่วโมง เหลือเพียง 6 ชั่วโมง ภายใต้แนวคิด “Green Corridor” ที่เคยใช้สำเร็จมาแล้วในสนามบินบางแห่งของจีน

ภารกิจยกทัพ iPhone ครั้งนี้ใช้เครื่องบินขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ราว 6 ลำ ลำละ 100 ตัน บินออกจากอินเดียตั้งแต่เดือนมีนาคม และยังเดินหน้าส่งออกอย่างต่อเนื่องแม้วันที่ภาษีใหม่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ โดย iPhone 14 พร้อมสายชาร์จหนึ่งชุด มีน้ำหนักรวมประมาณ 350 กรัม ทำให้การขนส่ง 600 ตันเทียบเท่ากับ iPhone ราว 1.5 ล้านเครื่อง

แผนการนี้ยังรวมถึงการเร่งกำลังการผลิตภายในโรงงานในอินเดีย โดยเฉพาะที่โรงงาน Foxconn ในนครเจนไน ซึ่งขยายเวลาเปิดดำเนินการจนถึงวันอาทิตย์ซึ่งปกติเป็นวันหยุด โดยมีเป้าหมายเพิ่มกำลังผลิตขึ้นอีก 20% จากระดับปกติในช่วงเดียวกันของปีก่อน

Foxconn ผลิต iPhone ราว 20 ล้านเครื่องจากโรงงานแห่งนี้ในปีที่ผ่านมา รวมถึงรุ่นล่าสุดอย่าง iPhone 15 และ 16 ด้วย

ในอีกด้านหนึ่ง Apple ก็เร่งขยายเครือข่ายการผลิตในอินเดียอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีโรงงานหลัก 3 แห่งที่ดำเนินการโดย Foxconn และ Tata ซึ่งถือเป็นสองผู้ผลิตรายใหญ่ของ Apple ในอินเดีย ขณะเดียวกันยังมีอีก 2 แห่งที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง

การดำเนินงานในครั้งนี้ต้องใช้เวลาเตรียมแผนร่วมกับรัฐบาลอินเดียกว่า 8 เดือน โดยนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐช่วยอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ เพื่อดึงดูด Apple ให้ใช้ประเทศอินเดียเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออก iPhone แทนจีน

ข้อมูลการค้าระบุว่า มูลค่าการส่งออก iPhone ของ Foxconn จากอินเดียไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ โดยแตะระดับ 770 ล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคม และ 643 ล้านดอลลาร์ในเดือนกุมภาพันธ์ เทียบกับช่วง 4 เดือนก่อนหน้าที่อยู่ระหว่าง 110-331 ล้านดอลลาร์

กว่า 85% ของการขนส่งทางอากาศในสองเดือนนั้น ปลายทางอยู่ที่เมืองใหญ่ของสหรัฐฯ อย่างชิคาโก ลอสแอนเจลิส นิวยอร์ก และซานฟรานซิสโก

ในขณะที่ Apple ยังไม่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ เช่นเดียวกับกระทรวงการบินพลเรือนของอินเดียและ Foxconn ที่ยังสงวนท่าที แต่ตัวเลขต่างๆ ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า Apple ได้วางหมากล่วงหน้า เพื่อรับมือกับนโยบายภาษีที่อาจกระทบกำไรขั้นต้นของบริษัทโดยตรง

เมื่อราคาของ iPhone 16 Pro Max รุ่นท็อปซึ่งวางขายในสหรัฐฯ อยู่ที่ 1,599 ดอลลาร์ หากถูกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 125% ก็จะพุ่งทะยานไปถึง 2,300 ดอลลาร์ทันที

ทั้งหมดนี้ตอกย้ำว่า การแข่งขันในตลาดเทคโนโลยีโลกไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่เรื่องของนวัตกรรมอีกต่อไป แต่รวมถึงสงครามภาษี การเปลี่ยนแปลงซัพพลายเชน และบทบาทของประเทศผู้ผลิตอย่างอินเดีย ที่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นหมากสำคัญในกระดานของ Apple และเศรษฐกิจโลกใบนี้อย่างเต็มตัว