จีนโต้กลับทรัมป์เก็บภาษี 104% ไม่ยอมจำนน ‘การแบล็กเมล์’ ของสหรัฐ

09 เม.ย. 2568 | 04:30 น.
อัปเดตล่าสุด :09 เม.ย. 2568 | 04:34 น.

สหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นภาษีสินค้าจีนรวม 104% ด้านจีนไม่หวั่น ลั่นพร้อมสู้ถึงที่สุด ชี้เป็นการแบล็กเมล์-กีดกันการค้า พร้อมยืนหยัดปกป้องกฎการค้าโลก

ท่ามกลางบรรยากาศที่ตึงเครียดของสงครามการค้า จีนประกาศจุดยืนแน่วแน่หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็น 104% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นมาตรการตอบโต้การที่จีนยังไม่ยอมถอนมาตรการภาษีตอบโต้ต่อสหรัฐฯ

แม้จะถูกกดดันอย่างหนักจากฝั่งวอชิงตัน แต่ปักกิ่งยืนกรานว่า จะไม่ยอมตกอยู่ภายใต้ “การแบล็กเมล์” และพร้อม “สู้ถึงที่สุด” กับสิ่งที่เรียกว่าเป็นการใช้อำนาจฝ่ายเดียวและกีดกันทางการค้า โดยในบทสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานคณะกรรมาธิการยุโรป อูร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ของจีน ได้เน้นย้ำว่า จีนมีเครื่องมือทางนโยบายเพียงพอในการรับมือกับแรงกระแทกจากภายนอก และยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจีนในปีนี้จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

หลี่ เฉียง ยังวิจารณ์การกระทำของสหรัฐฯ ว่าเป็นการแสดงออกถึงลัทธิปกป้องผลประโยชน์ฝ่ายเดียว ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายให้แก่จีนเท่านั้น แต่ยังบั่นทอนหลักการพื้นฐานของระบบการค้าโลก พร้อมระบุว่า การเปิดกว้างและความร่วมมือคือเส้นทางที่ถูกต้องสำหรับทุกประเทศ ไม่ใช่การปิดประตูและใช้อำนาจบีบบังคับ

การตอบโต้ของจีนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลทรัมป์ประกาศจะเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มเติม 50% ทับซ้อนกับมาตรการก่อนหน้าที่เริ่มต้นด้วยอัตรา 10% และต่อด้วย 34% ซึ่งรวมแล้วจะกลายเป็น 104% ทั้งนี้เป็นการตอบโต้ที่จีนได้เรียกเก็บภาษีตอบโต้ในอัตรา 34% กับสินค้าสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้

แม้ว่าทรัมป์จะแสดงท่าทีเปิดช่องเจรจา โดยโพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า “จีนก็อยากเจรจาเช่นกัน แต่ยังไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน เรารอการติดต่อจากพวกเขาอยู่ มันจะเกิดขึ้นแน่” แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ หลายรายกลับออกมาระบุชัดว่า จีนจะไม่ใช่ลำดับความสำคัญในการเจรจาการค้ารอบต่อไป ซึ่งทำให้ความหวังต่อการประนีประนอมในระยะสั้นเลือนลาง

สภาพเศรษฐกิจโลกเองก็สะท้อนความตึงเครียดดังกล่าว โดยหลังจากทรัมป์ประกาศภาษีชุดใหญ่นี้เมื่อวันที่ 2 เมษายน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวจากแรงเทขายที่รุนแรงในสัปดาห์ก่อนหน้า แต่เพียงไม่กี่วันถัดมา ตลาดกลับพลิกผันอีกครั้ง โดยดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นกว่า 4% ในช่วงเปิดตลาด แต่จบวันด้วยการลดลง 1.6% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ลดลง 2.1% และ Dow Jones หายไปอีก 320 จุด นักลงทุนยังคงสับสนกับท่าทีที่พลิกไปมาของทรัมป์และไม่มีแนวทางที่ชัดเจนจากทำเนียบขาว

ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ กำลังเดินหน้ากำหนดภาษีใหม่กับพันธมิตรการค้ารายอื่น เช่น แคนาดา ซึ่งเตรียมเรียกเก็บภาษีกับรถยนต์จากสหรัฐฯ ด้านสหภาพยุโรปเองก็อาจประกาศตอบโต้ในสัปดาห์หน้า หลังทรัมป์เตรียมเพิ่มภาษี 20% กับสินค้าจากยุโรป โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ ทบทวนการตัดสินใจดังกล่าว พร้อมกล่าวว่า “ถ้า EU ต้องตอบโต้ ก็ให้เป็นไปตามนั้น”

หลี่ เฉียง ย้ำว่า จีนไม่เพียงแค่ตอบโต้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง แต่ยังรวมถึงการปกป้องกฎกติกาทางการค้าในระดับสากล โดยจีนเชื่อว่าแนวทางแบบเปิดกว้างและความร่วมมือคือเส้นทางที่ถูกต้องในโลกที่เชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้งในปัจจุบัน

แม้จะถูกบีบคั้นอย่างหนักจากฝั่งทรัมป์ จีนยังแสดงความเชื่อมั่นต่ออนาคตเศรษฐกิจของตนในระยะกลางถึงยาว พร้อมประกาศเดินหน้ารักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ผ่านการวางแผนเชิงนโยบายที่รอบคอบ ท่ามกลางมรสุมสงครามการค้าที่ยังไม่เห็นจุดจบ

ในเกมที่เดิมพันสูงนี้ ไม่มีใครถอย ทั้งสหรัฐฯ และจีนต่างยืนหยัดบนท่าทีของตน ท่ามกลางแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทาน ราคาสินค้า และความมั่นใจของนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่ต้องพึ่งพาการค้าระหว่างสองมหาอำนาจนี้อย่างใกล้ชิด การจับตามองท่าทีต่อไปของจีนจึงไม่เพียงสำคัญต่อสหรัฐฯ หากแต่สำคัญกับเศรษฐกิจโลกทั้งระบบ