ถอดรหัสศึกภาษีทรัมป์ มาตรการใหม่เล่นงานจีนเต็มรูปแบบ?

03 เม.ย. 2568 | 23:00 น.

ศึกภาษีทรัมป์ 2.0 เปิดฉากสงครามการค้ารอบใหม่ กระทบจีน-เอเชียเต็มๆ ซัพพลายเชนสั่นสะเทือน กระทบเศรษฐกิจทั่วโลก

สหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้จุดชนวนสงครามการค้ารอบใหม่ ด้วยมาตรการภาษีที่เล่นงานแทบทุกประเทศคู่ค้าของอเมริกา แต่เป้าหมายหลักยังคงเป็น "จีน" โดยทรัมป์ให้เหตุผลว่าจีนได้ "เอาเปรียบ" สหรัฐฯ อย่างมหาศาล

"ผมเคารพท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และเคารพประเทศจีนอย่างมาก แต่พวกเขากำลังเอาเปรียบเราอย่างมหาศาล" ทรัมป์กล่าวระหว่างการแถลงข่าว พร้อมถือแผนภูมิแสดงอัตราภาษีของแต่ละประเทศต่อสินค้าสหรัฐฯ ซึ่งจีนอยู่แถวบนสุดที่ 67%

ทรัมป์จึงตอบโต้ด้วยการตั้งภาษีนำเข้าจากจีนที่ 34% โดยอ้างว่าเป็น "ภาษีตอบโต้แบบลดราคา" ซึ่งยังต่ำกว่าที่จีนเรียกเก็บจากสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มภาษีจาก 20% เป็น 54% ในเวลาอันสั้น ยกเว้นสินค้าบางกลุ่ม เช่น รถยนต์ เหล็ก และอะลูมิเนียมที่ถูกเก็บภาษีในอัตราที่ต่ำกว่า

จีนไม่ยอม - ประกาศตอบโต้ทันที

กระทรวงพาณิชย์จีนเรียกการกระทำของทรัมป์ว่า "การกลั่นแกล้งฝ่ายเดียวโดยสมบูรณ์" และให้คำมั่นว่าจะใช้ "มาตรการตอบโต้ที่เด็ดขาด" เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง

สำนักข่าวซินหัวของรัฐบาลจีนยังวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของทรัมป์ว่าเป็น "เกมตอบโต้แบบเด็กๆ" และเป็นการผลักดันความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศไปในทิศทางที่เลวร้ายลง

 

ปิดทางลัดจีน มาตรการภาษีกระทบห่วงโซ่อุปทานในเอเชีย

สงครามการค้าครั้งนี้ไม่ได้กระทบแค่จีนเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานจีน โดยเฉพาะเวียดนาม กัมพูชา และลาว ซึ่งถูกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเข้าสหรัฐฯ สูงถึง 46%-49%

ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า "นี่ไม่ใช่แค่สงครามภาษีระหว่างสหรัฐฯ และจีน แต่มันคือยุทธศาสตร์จำกัดการขยายอำนาจของจีนผ่านห่วงโซ่อุปทานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"

โดยเฉพาะเวียดนามซึ่งเคยเป็น "ทางลัด" สำหรับบริษัทจีนในการหลบเลี่ยงภาษีของทรัมป์รอบแรกในปี 2018 ได้กลายเป็นเป้าหมายใหม่ของทรัมป์ในครั้งนี้ นั่นหมายความว่าธุรกิจจีนที่ย้ายฐานการผลิตไปเวียดนามเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีจะไม่สามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้อีกต่อไป

ผลกระทบลูกโซ่ ธุรกิจสหรัฐฯ ก็โดนไปด้วย

นโยบายภาษีของทรัมป์ไม่ได้กระทบแค่จีนและประเทศในเอเชีย แต่ยังส่งผลกระทบต่อบริษัทอเมริกันที่มีฐานการผลิตในภูมิภาคนี้ เช่น Apple, Intel และ Nike ที่มีโรงงานขนาดใหญ่ในเวียดนาม

ผลสำรวจของหอการค้าอเมริกันในเวียดนามเผยว่า บริษัทสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ที่มีฐานการผลิตในเวียดนามอาจต้องลดพนักงานหากมาตรการภาษีมีผลบังคับใช้ ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงที่นโยบายนี้อาจย้อนกลับมาทำร้ายเศรษฐกิจสหรัฐฯ เอง

 

จีนจะตอบโต้อย่างไร? มองหาแนวร่วม หรือเพิ่มภาษีสหรัฐฯ?

โจทย์สำคัญของจีนในเวลานี้คือ "จะตอบโต้สหรัฐฯ อย่างไร?" โดยผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าจีนอาจใช้มาตรการภาษีตอบโต้ หรือออกกฎระเบียบที่ทำให้บริษัทอเมริกันดำเนินธุรกิจในจีนได้ยากขึ้น

ศาสตราจารย์พุชาน ดุตต์ จาก INSEAD มองว่า "จีนต้องเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบาก เพราะการส่งออกไปตลาดอื่นอาจทำให้เกิดปัญหาการลดอุตสาหกรรมในประเทศเหล่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้นำของประเทศอื่นคงไม่ยอมรับง่ายๆ ทางออกที่ดีที่สุดของจีนอาจเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้คนจีนบริโภคมากขึ้น"

อีกแนวทางหนึ่งคือการสร้างแนวร่วมกับประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบ เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งล่าสุดได้จัดการประชุมเศรษฐกิจครั้งแรกในรอบ 5 ปี และตกลงที่จะเร่งเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี ซึ่งอาจได้รับแรงผลักดันมากขึ้นจากภาษีใหม่ของทรัมป์