โลกวิจารณ์เดือด ปฏิกิริยานานาชาติศึก เซเลนสกี-ทรัมป์ จุดเปลี่ยนชะตายูเครน

01 มี.ค. 2568 | 08:00 น.
อัปเดตล่าสุด :01 มี.ค. 2568 | 08:04 น.

ผู้นำทั่วโลกร่วมวิจารณ์การปะทะเดือดระหว่าง "เซเลนสกี" และ "ทรัมป์" กลางทำเนียบขาว สะท้อนทิศทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ-สถานการณ์ยูเครนสุ่มเสี่ยง

การเผชิญหน้าระหว่างประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี และประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ในทำเนียบขาวได้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่ส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วโลก การเจรจาที่ควรเป็นการยืนยันถึงพันธมิตรที่แน่นแฟ้น กลับกลายเป็นการปะทะทางการทูตที่ตึงเครียดอย่างหนัก สร้างความกังวลถึงอนาคตของยูเครนในสงครามกับรัสเซีย-ยูเครน และบทบาทของสหรัฐฯ ในความขัดแย้งนี้

 

จุดแตกหัก! เซเลนสกี vs ทรัมป์ ศึกที่ไม่มีใครถอย

การเจรจาเริ่มต้นขึ้นโดยเซเลนสกีแสดงความขอบคุณต่อสหรัฐฯ สำหรับความช่วยเหลือที่ให้กับยูเครนมาตลอดสามปีที่ผ่านมา แต่ในขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้วอชิงตันยังคงให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง โดยฝั่งทรัมป์กล่าวหาว่ายูเครนไม่ได้ให้ความเคารพต่อสหรัฐฯ และตั้งคำถามถึงการใช้ความช่วยเหลือที่สหรัฐฯ มอบให้

สื่อต่างประเทศรายงานว่า สิ่งที่ทำให้สถานการณ์ร้อนระอุขึ้นไปอีก คือคำกล่าวของทรัมป์ที่เตือนว่า

ยูเครนกำลังเล่นกับไฟ และอาจนำพาโลกเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สาม

คำพูดดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับเซเลนสกีทันที และบรรยากาศในทำเนียบขาวกลายเป็นสนามรบทางการทูตที่ดุเดือดที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปี

เหตุการณ์ครั้งนี้นำไปสู่ปฏิกิริยาอย่างรวดเร็วจากผู้นำประเทศทั่วโลก หลายชาติมองว่าสหรัฐฯ กำลังถอยห่างจากยูเครน ในขณะที่บางชาติยืนยันหนักแน่นว่าจะยังคงสนับสนุนยูเครนต่อไป

  • ฝ่ายที่สนับสนุนยูเครน

จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ยืนยันว่า "รัสเซียเป็นผู้รุกราน และยูเครนคือผู้ถูกโจมตี แคนาดาจะยืนหยัดเคียงข้างยูเครน"

โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า "เยอรมนีและยุโรปจะยังคงยืนหยัดเคียงข้างยูเครนเพื่อสันติภาพที่ยุติธรรม"

เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เตือนว่า "เราทุกคนต้องช่วยเหลือยูเครนและคว่ำบาตรรัสเซียต่อไป"

ขณะที่ อียูและนาโต้ กำลังวิตกกังวลว่าทรัมป์อาจลดการสนับสนุนยูเครน ซึ่งอาจทำให้ยุโรปต้องรับภาระหนักขึ้น

 

  • ฝ่ายที่มองว่ายูเครนควรปรับท่าที

วิตโตริโอ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี ชื่นชมท่าทีของทรัมป์ โดยกล่าวว่า "ชายผู้แข็งแกร่งสร้างสันติภาพ ส่วนชายผู้ขลาดเขลานำไปสู่สงคราม"

มัตเตโอ ซัลวินี รองนายกรัฐมนตรีอิตาลี สนับสนุนแนวทางเจรจากับรัสเซีย โดยกล่าวว่า "หยุดสงคราม! หันมาเจรจากันเถอะ"

ปฏิกิริยาจากรัสเซีย

ฝั่งรัสเซียแสดงท่าทีพอใจอย่างเห็นได้ชัดกับความขัดแย้งนี้ ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซียถึงกับกล่าวว่า

เซเลนสกีเหมือนโดนตบหน้ากลางทำเนียบขาว!

ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย มาเรีย ซาคาโรวา เสริมว่า "เซเลนสกีกำลังแสดงให้เห็นถึงความเย่อหยิ่งและความไม่สำนึกบุญคุณต่อสหรัฐฯ"

นักวิเคราะห์ชาวรัสเซียบางส่วนมองว่านี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบทางการเมืองของเซเลนสกี และทำให้การเจรจาสันติภาพกับรัสเซียมีโอกาสเกิดขึ้นมากขึ้น

 

สหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนขั้ว? อนาคตของยูเครนภายใต้ทรัมป์

ทรัมป์เคยประกาศว่าหากได้เป็นประธานาธิบดีจะยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนภายใน 24 ชั่วโมง แต่ด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวต่อเซเลนสกีในครั้งนี้ ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าทรัมป์กำลังส่งสัญญาณลดความช่วยเหลือต่อยูเครนหรือไม่

นักวิเคราะห์การเมืองระบุว่า หากทรัมป์ลดระดับการสนับสนุนทางทหารให้ยูเครน นาโต้และชาติยุโรปจะต้องรับภาระหนักขึ้น และอาจทำให้รัสเซียมีโอกาสได้เปรียบในสงคราม

 

แม้ไทยจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับสงครามยูเครน-รัสเซีย แต่ความขัดแย้งนี้ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อเศรษฐกิจไทยในหลายด้าน เช่น

  • ราคาพลังงานโลก หากสหรัฐฯ ลดบทบาทในสงคราม อาจทำให้ราคาน้ำมันผันผวน
  • การค้าโลก ความไม่แน่นอนในยุโรปอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งไทยต้องเตรียมรับมือ

การปะทะกันระหว่าง โวโลดีมีร์ เซเลนสกี และ โดนัลด์ ทรัมป์ ในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงความขัดแย้งส่วนตัว แต่เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก หากสหรัฐฯ ถอยห่างจากยูเครน อาจเป็นจุดพลิกผันของสงคราม และทำให้รัสเซียได้เปรียบมากขึ้น

 

อ้างอิง: Reuters