รัฐบาลไทยกำลังเผชิญแรงกดดันจากประชาคมโลก หลังจากส่งตัวชาวอุยกูร์อย่างน้อย 40 คนกลับไปยังประเทศจีน ท่ามกลางความกังวลเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน สหรัฐอเมริกา สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และตุรกี ต่างออกมาแสดงความผิดหวังและประณามการกระทำครั้งนี้อย่างรุนแรง
ชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ถูกควบคุมตัวในประเทศไทยเป็นเวลานานนับสิบปี ก่อนที่ทางการไทยจะตัดสินใจส่งพวกเขากลับจีน แม้จะมีการเตือนล่วงหน้าจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติว่าการส่งกลับอาจทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับ "การทรมาน การปฏิบัติที่ไร้มนุษยธรรม และอันตรายที่ไม่สามารถแก้ไขได้"
รายงานระบุว่า ช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 รถตู้หลายคันที่มีหน้าต่างปิดทึบได้ออกจากศูนย์กักกันตรวจคนเข้าเมืองในกรุงเทพฯ โดยมีรายงานว่ามีชาวอุยกูร์ 48 คนถูกควบคุมตัวที่นั่น ก่อนที่เครื่องบินของ China Southern Airlines จะออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองไปยังเมืองคัชการ์ในเขตซินเจียงของจีน
มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาลไทย โดยกล่าวว่า "เราขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน ซึ่งเป็นประเทศที่พวกเขาไม่มีสิทธิ์ในกระบวนการยุติธรรม และมีหลักฐานว่าถูกบังคับใช้แรงงานและทรมาน"
รูบิโอยังเตือนว่าไทยอาจ "ละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศ" ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และเรียกร้องให้รัฐบาลไทยติดตามสถานการณ์ของผู้ที่ถูกส่งตัวกลับอย่างใกล้ชิด
สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (The United Nations High Commissioner for Refugees: UNHCR) ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจของไทย พร้อมระบุว่าสิ่งนี้เป็นการละเมิดหลักการ Non-refoulement หรือหลักการห้ามส่งตัวบุคคลกลับไปยังประเทศที่อาจทำให้พวกเขาต้องเผชิญอันตราย ซึ่งเป็นหลักสำคัญของกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
"การบังคับส่งตัวกลับโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงที่ชัดเจนของผู้ถูกส่งตัว ถือเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ เราขอเรียกร้องให้ประเทศไทยเคารพพันธกรณีทางกฎหมายระหว่างประเทศ และให้ความคุ้มครองแก่ผู้ลี้ภัย" โฆษก UNHCR กล่าว
ตุรกี ซึ่งเป็นประเทศที่มีสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมกับชาวอุยกูร์ แสดงท่าทีแข็งกร้าวโดยออกแถลงการณ์ประณามไทย พร้อมระบุว่าการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีนขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน และสัญญาว่าจะติดตามชะตากรรมของพวกเขาอย่างใกล้ชิด
"เราไม่สามารถยอมรับได้ว่าบุคคลที่หนีจากการประหัตประหาร ถูกบังคับให้กลับไปยังสถานที่ที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของพวกเขา" กระทรวงการต่างประเทศตุรกีกล่าว
ขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากโลกตะวันตกดังขึ้น จีนออกมาปกป้องไทยโดยระบุว่าการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศ "เป็นไปตามกฎหมายของจีนและไทย รวมถึงกฎหมายระหว่างประเทศ" พร้อมยืนยันว่าผู้ที่ถูกส่งกลับ "จะได้รับการดูแลตามกฎหมาย"
โฆษกสถานทูตจีนในกรุงวอชิงตันกล่าวว่า "เราคัดค้านความพยายามที่จะใช้ประเด็นสิทธิมนุษยชนมาแทรกแซงกิจการภายในของจีน และใช้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับซินเจียงเป็นเครื่องมือก่อกวนความร่วมมือด้านกฎหมายระหว่างประเทศ"
กลุ่มชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวกลับจีนครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ราว 300 คนที่เดินทางมายังไทยในปี 2557 โดยหลายคนพยายามเดินทางต่อไปยังตุรกี ซึ่งยินดีต้อนรับพวกเขาในฐานะพลเมืองที่มีรากเหง้าเชื่อมโยงกัน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บางส่วนถูกส่งไปตุรกี ขณะที่อีกหลายคนถูกคุมขังในไทย จนกระทั่งการส่งตัวกลับจีนครั้งล่าสุดเกิดขึ้น ท่ามกลางข้อกังวลว่าพวกเขาอาจต้องเผชิญการกดขี่และการละเมิดสิทธิในซินเจียง
การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีนครั้งนี้ ทำให้ไทยตกอยู่ในกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติอีกครั้ง โดยเฉพาะในด้านสิทธิมนุษยชน แม้ว่ารัฐบาลไทยจะยืนยันว่าการกระทำนี้เป็นไปตามมาตรฐานสากลและได้รับการรับรองจากจีน ซึ่งอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่เป็นพันธมิตรสำคัญ