“ปานปรีย์” บินนำคนไทยที่ฮามาสปล่อยตัว กลับบ้านชุดแรก  17 คนบ่ายวันนี้

30 พ.ย. 2566 | 04:42 น.

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ได้พบปะชุมชนคนไทยในอิสราเอล พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่สถานทูตฯ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือตัวประกันชาวไทยจนได้รับการปล่อยตัว บ่ายนี้พร้อมนำบินกลับไทย 17 คนเป็นชุดแรก

 

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วย พล.อ.ท.วชิระ เริงฤทธิ์ ผู้แทนผู้บัญชาการทหารสูงสุด และนายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการ กระทรวงแรงงาน และคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจข้าราชการ และลูกจ้าง สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล รวมทั้งพบปะกับแรงงานไทยและชุมชนไทยในกรุงเทลอาวีฟ จำนวน 28 คน เพื่อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ และชีวิตการทำงาน เมื่อวันพุธ (29 พ.ย.) เวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศอิสราเอล

นายปานปรีย์ เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจข้าราชการและลูกจ้างสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ พร้อมพบปะแรงงานไทยในอิสราเอล

เยี่ยมคนไทยที่ได้รับการปล่อยตัวจากกลุ่มฮามาส (28 พ.ย. 2566)

โดยรองนายกฯ ได้ขอให้แรงงานไทยทุกคนโชคดีในการทำงานและการใช้ชีวิตในต่างประเทศ พร้อมแจ้งว่าตนเองได้พูดคุยกับประธานาธิบดีอิสราเอลแล้ว ซึ่งประธานาธิบดีรับปากว่าจะช่วยเหลือตัวประกันคนไทยที่เหลือ ซึ่งคาดว่าจะมี 9 คน ให้กลับมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนเรื่องการเยียวยา รัฐบาลดำเนินการอย่างเต็มที่ แต่ส่วนตัวไม่อยากให้แรงงานไทยเสี่ยงเข้าไปทำงานในพื้นที่สีแดงอีก

จากนั้น นายปานปรีย์ได้ผูกข้อมือเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แรงงาน พร้อมตรวจเยี่ยมที่ทำงานของสถานเอกอัครราชทูตไทย รวมทั้งห้องหลบภัยของสถานทูตที่ใช้เวลาเกิดเหตุไม่สงบด้วย

เยี่ยมปลอบขวัญ-ให้กำลังใจ 3 แรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลในอิสราเอล (28-29 พ.ย. 2566)

 

รองนายกฯ และรัฐมนตรีต่างประเทศ ยังได้โพสต์ข้อความผ่าน X (Twitter) ใจความระบุว่า ตื้นตันใจและดีใจเป็นที่สุด ที่ได้เจอพี่น้องคนไทยที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทุกคนมีกำลังใจดี พร้อมเดินทางกลับบ้านแล้ว

พร้อมกลับบ้านแล้ว

ทั้งนี้ พี่น้องแรงงานไทยที่ได้รับการปล่อยตัว 17 คนจะเดินทางกลับจากอิสราเอลกลับถึงไทยเป็นชุดแรกพร้อมกับคณะของนายปานปรีย์ โดยสายการบิน El Al เที่ยวบินที่ LY 081 กำหนดถึงประเทศไทยในวันนี้ ( 30 พ.ย.) เวลาประมาณ 14.55 น. (ช้ากว่ากำหนดการเดิม 3 ชั่วโมง) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ