ไบแนนซ์ปิดคดีฟอกเงิน-ละเมิดกม.สหรัฐ ยอมจ่าย 1.5 แสนล้าน-ซีอีโอลาออก

23 พ.ย. 2566 | 00:38 น.

ไบแนนซ์ (Binance) แพลตฟอร์มเทรดคริปโตฯเบอร์หนึ่งของโลก ยอมจ่ายค่าปรับ 4,300 ล้านดอลลาร์ (ราว1.5 แสนล้านบาท) ซึ่งเป็นการจ่ายค่าปรับขององค์กรที่มีมูลค่าโทษปรับสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ เพื่อปิดคดีละเมิดกม.และการฟอกเงิน พร้อมการลาออกของ "จ้าว ฉางเผิง" ซีอีโอ

 

นายจ้าว ฉางเผิง หรือที่รู้จักกันดีในชื่อย่อ CZ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไบแนนซ์ (Binance) แพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีรายใหญ่ที่สุดของโลกตามมูลค่าตลาด รับสารภาพในข้อหาทางอาญา ฐานละเมิดพระราชบัญญัติความลับของธนาคาร และละเมิดกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินของสหรัฐอเมริกา พร้อมกันนี้ เขาได้ประกาศ ลาออกจากตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัท โดยเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงยอมความกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ซึ่งนอกจากเขาต้องลาออกแล้ว บริษัทยังต้องรับผิดชอบค่าปรับเป็นเงินกว่า 4,300 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.51 แสนล้านบาท

นายจ้าวทวีตวานนี้ (22 พ.ย.) เกี่ยวกับการลาออกของเขา ซึ่งยอมรับว่าทำใจได้ยาก แต่เป็นเรื่องที่จะต้องทำให้ถูกต้อง เพราะเขาเองนั้นได้ทำข้อพลาดขึ้นมาและจะต้องรับผิดชอบ ซึ่งเป็นทางออกที่ดีที่สุดทั้งกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด กับบริษัทและตัวเขาเอง นอกจากนี้ เขายังประกาศนายริชาร์ด เติ้ง หัวหน้าฝ่ายตลาดโลกของไบแนนซ์ จะขึ้นมาเป็นซีอีโอคนใหม่แทนเขา ทั้งนี้ นายจ้าวเชื่อว่า ไบแนนซ์จะเติบโตก้าวหน้าต่อไปได้อย่างแข็งแกร่งแม้จะไม่มีเขาแล้วก็ตาม

นายจ้าว ฉางเผิง หรือที่รู้จักกันดีในชื่อย่อ CZ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไบแนนซ์ (Binance)

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายจ้าวและคนอื่นๆ ถูกตั้งข้อหาละเมิดพ.ร.บ.ความลับของธนาคาร โดยเขาไม่เพียงล้มเหลวในการดำเนินการป้องกันการฟอกเงินอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังจงใจละเมิดมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของสหรัฐ(ต่ออิหร่าน) ด้วยการอนุญาตให้มีการทำธุรกรรมอย่างน้อย 1.1 ล้านธุรกรรม มูลค่ามากกว่า 898 ล้านดอลลาร์ระหว่างลูกค้าในสหรัฐและอิหร่าน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐยังตั้งข้อกล่าวหาไบแนนซ์ ในการช่วยเหลือด้านการทำธุรกรรมให้กับกลุ่มก่อร้าย อาทิ กลุ่มฮามาส กลุ่มอัลกออิดะห์ ISIS และกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ บนแพลตฟอร์มไบแนนซ์ กว่า 100,00 ธุรกรรม

ทั้งนี้ เพื่อยุติคดี นายจ้าวต้องลาออก และบริษัทไบแนนซ์ ต้องจ่ายค่าปรับรวมมูลค่า 4,300 ล้านดอลลาร์ (กว่า 1.5 แสนล้านบาท) ซึ่งนับเป็นการจ่ายค่าปรับขององค์กรที่มีมูลค่าโทษปรับสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา โดยค่าปรับดังกล่าวจะแบ่งชำระเป็นสองก้อน ก้อนแรก 1,810 ล้านดอลลาร์ หรือราว 63,000ล้านบาทภายใน 15 เดือน และที่เหลือ 2,510 ล้านดอลลาร์ (ราว 88,000 ล้านบาท) ตามที่ระบุในข้อตกลงกับศาล

นายจ้าวทวีตแสดงความรับผิดชอบต่อคดีความที่เกิดขึ้น ด้วยการลาออกจากตำแหน่งซีอีโอไบแนนซ์

นอกจากนี้ ในส่วนของนายจ้าว ยังต้องจ่ายค่าปรับทางอาญาอีก 50 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,800 ล้านบาท) และค่าปรับทางแพ่งอีก 1.5 ล้านดอลลาร์ (53 ล้านบาท)

การตกลงยอมความมูลค่ามหาศาลนี้ มีขึ้นเพื่อยุติการสอบสวนคดีความที่ใช้เวลายาวนานหลายปี  สื่อใหญ่ของสหรัฐอย่างนิวยอร์กไทม์สรายงานถึงแนวทางการพิจารณาคดีของสหรัฐว่า อาจทำให้นายจ้าว ต้องจำคุกระหว่าง 10 ถึง 18 เดือน และจะไม่สามารถกลับมาเป็นผู้บริหารของไบแนนซ์ได้เป็นเวลา 3 ปี แต่จะยังสามารถถือหุ้นไบแนนซ์ต่อไปได้ ข่าวระบุว่า นายจ้าวจะหาช่องทางลงทุนใหม่ๆ เช่นในบริษัทสตาร์ตอัปด้านบล็อกเชน, Web3, DeFi, AI และไบโอเทค เป็นต้น

เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ไบแนนซ์ ซึ่งเป็นกระดานเทรดคริปโทเบอร์ 1 ของโลก ถูกหน่วยงานกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐฯ (CFTC) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ของสหรัฐ ยื่นฟ้องร้อง โดยฟ้องทั้งตัวนายจ้าวซึ่งเป็นซีอีโอและบริษัทไบแนนซ์ จากกรณีการจัดการเงินทุนของลูกค้าในทางที่ผิด และแสดงความพยายามโดยเจตนาในการสร้างความผันผวนในตลาดเพื่อหากำไรจากตลาดสหรัฐโดยไม่มีการควบคุม นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้ผู้ใช้บริการในสหรัฐเข้าถึงแพลตฟอร์มเทรดของบริษัทอย่างผิดกฎหมาย

บริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน Nansen เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์อื้อฉาวของไบแนนซ์ นักลงทุนได้พากันถอนเงินออกจากกระดานเทรดไบแนนซ์ไปแล้วมูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ กระนั้นก็ตาม ปัจจุบันยังคงมีเงินราว 65,000 ล้านดอลลาร์ ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของไบแนนซ์