เกิดอะไรขึ้นกับคอยน์เบส (Coinbase) ทำหุ้นคริปโตร่วงยกแผง

07 มิ.ย. 2566 | 01:18 น.

การที่ก.ล.ต.สหรัฐ(SEC) ยื่นฟ้องทั้ง "ไบแนนซ์-คอยน์เบส" ต้นสัปดาห์นี้ โทษฐานตั้งกระดานเทรดคริปโตโดยผิดกฎหมาย ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั้งวงการ ทำให้ราคาหุ้นคริปโตร่วงยกแผงและราคาบิตคอยน์เฉียดหลุด 25,000 ดอลล์

 

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ได้ยื่นฟ้อง คอยน์เบส โกลบอล อิงค์ (Coinbase Global Inc) ซึ่งเป็น แพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ต่อศาลในกรุงนิวยอร์กเมื่อวันอังคาร (6 มิ.ย.) โดยในสำนวนฟ้อง SEC กล่าวหาว่า คอยน์เบส ได้ดำเนินธุรกิจโบรกเกอร์และแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล “โดยไม่ได้รับอนุญาต”  และเรียกร้องให้ศาลมีคำสั่งให้คอยน์เบสยุติการให้บริการดังกล่าว “เป็นการถาวร”

คำฟ้องของ SEC ระบุว่า ธุรกิจโบรกเกอร์ แพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล และโครงการ staking ของคอยน์เบส ได้ละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ และคอยน์เบสได้ละเมิดกฎระเบียบเกี่ยวกับโครงสร้างบริษัท และหลีกเลี่ยงการเปิดเผยข้อมูลตามกฎหมายหลักทรัพย์ของ SEC เป็นเวลายาวนานหลายปี

"แม้ว่าคอยน์เบสอยู่ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ แต่ก็ได้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล การเป็นโบรกเกอร์-ดีลเลอร์ และการทำหน้าที่สำนักหักบัญชีอย่างผิดกฎหมาย" คำฟ้องระบุ

SEC เปิดเผยว่า สินทรัพย์คริปโตอย่างน้อย 13 รายการที่คอยน์เบสให้บริการต่อลูกค้า ถูกจัดชั้นเป็น "หลักทรัพย์" ตามการพิจารณาของ SEC

SEC กล่าวหาคอยน์เบส ดำเนินธุรกิจโบรกเกอร์และแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล “โดยไม่ได้รับอนุญาต”

หุ้นคอยน์เบส-หุ้นคริปโตร่วงยกแผง

การฟ้องของ SEC ในครั้งนี้ ทำให้หุ้นคอยน์เบส ซึ่งย้ำอีกครั้งว่าเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลใหญ่ที่สุดในสหรัฐ (ถือครองสินทรัพย์มากกว่า 130,000 ล้านดอลลาร์บนแพลตฟอร์ม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 ) ทรุดลงทันที โดยวานนี้ (6 มิ.ย.) หลังถูกฟ้อง (ตรงกับเวลา 21.04 น.ของไทยวันเดียวกัน) ราคาหุ้นของคอยน์เบสในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ดิ่งลง 15.46% สู่ระดับ 49.63 ดอลลาร์

ขณะที่หุ้นของบริษัทอื่นๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซีและบล็อกเชน อาทิ หุ้น Bitfarms, Riot Platforms, Marathon Digital และ Hut 8 Mining ต่างก็ร่วงผล็อยตามการทรุดตัวของราคาหุ้นคอยน์เบสเช่นกัน

เหตุเกิดหลังฟ้อง“ไบแนนซ์”แค่เพียงวันเดียว

ก่อนหน้าการฟ้องคอยน์เบสเมื่อวันอังคาร (6 มิ.ย.) ทาง SEC เพิ่งฟ้อง ไบแนนซ์ (Binace) แพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังฟ้องนายฉางเผิง จ้าว (Changpeng Zhao) หรือที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในชื่อย่อ CZ  ผู้ก่อตั้งไบแนนซ์ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (5 มิ.ย.)นี้เอง

ทั้งสองกรณี (การฟ้องไบแนนซ์และคอยน์เบส) เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามรณรงค์ของแกรี เกนสเลอร์ ประธาน SEC ที่ต้องการยืนยันเขตอำนาจของศาลเหนือแวดวงซื้อขายคริปโต และต้องการให้ความคุ้มครองแก่นักลงทุนในการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น

เกนสเลอร์ระบุในทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า “ความล้มเหลวของคอยน์เบส ทำให้นักลงทุนขาดการป้องกันที่สำคัญ รวมถึงกฎเกณฑ์ที่ป้องกันพวกเขาจากการฉ้อโกงและการจัดการ การเปิดเผยที่เหมาะสม การป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ และการตรวจสอบตามปกติ”

ในการยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางแมนฮัตตันครั้งนี้ SEC ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา คอยน์เบสทำเงินอย่างน้อยหลายพันล้านดอลลาร์ด้วยการจัดการธุรกรรมเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี แต่ขณะเดียวกัน บริษัทก็พยายามหลีกเลี่ยงข้อกำหนดการเปิดเผยข้อมูลเพื่อปกป้องนักลงทุน

คดีนี้สะท้อนหลากหลายแง่มุมเกี่ยวกับธุรกิจของคอยน์เบส ครอบคลุมถึงบริการ Coinbase Prime ที่กำหนดเส้นทางคำสั่งซื้อ, Coinbase Wallet ที่ช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงสภาพคล่อง และบริการเดิมพัน Coinbase Earn ที่ทางคอยน์เบสจะรวมสินทรัพย์คริปโต และใช้มันเพื่ออำนวยความสะดวกในกิจกรรมบนเครือข่าย blockchain เพื่อแลกกับรางวัลที่ให้ลูกค้าหลังจากรับค่าคอมมิชชั่น

"คอยน์เบสตระหนักดีว่า ธุรกิจของตนเองอยู่ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลาง แต่ก็เพิกเฉย ซึ่งอันที่จริงคุณไม่สามารถเพิกเฉยต่อกฎหมายได้ ไม่ว่าจะเพราะคุณไม่ชอบ หรือเพราะคุณต้องการกฎเกณฑ์อื่นที่แตกต่างออกไปก็ตาม” แถลงการณ์ของ SEC ระบุ

สำหรับกรณีของไบแนนซ์ ทาง SEC  ยื่นฟ้องด้วยข้อกล่าวหา “จัดตั้งเว็บเทรดคริปโตอย่างผิดกฎหมาย” มีการโอนเงินของลูกค้า-การรวมสินทรัพย์อย่างไม่เหมาะสม ประกอบกับความล้มเหลวในการกันลูกค้าผู้มั่งคั่งในสหรัฐออกจากแพลตฟอร์ม และทำให้ลูกค้าเข้าใจผิดเกี่ยวกับการกำกับดูแล ส่งผลให้นักลงทุนได้ถอนเงินประมาณ 780 ล้านดอลลาร์จากแพลตฟอร์มของไบแนนซ์ภายในช่วง 24 ชั่วโมง หลังจากข่าวนี้ถูกเผยแพร่ก็ทำให้ตลาดคริปโตเกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว โดยราคาบิตคอยน์ (Bitcoin) เงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 25,500 ดอลลาร์ ขณะที่เหรียญน้อยใหญ่อีกหลายตัวก็พากันแดงทั้งกระดานเทรด

การออกมาเคลื่อนไหวของ SEC ครั้งนี้ เรียกได้ว่า สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วตลาดคริปโตและเห็นทีว่า บิตคอยน์คงจะยังไม่ได้พลิกฟื้นมาเป็นขาขึ้นได้โดยง่าย ทั้งนี้ นักลงทุนต้องรอดูข้อสรุปจากการฟ้องร้องที่เกิดขึ้นกับทั้งทางไบแนนซ์และคอยน์เบส ว่าจะจบลงอย่างไร และระหว่างนี้ ผลลัพธ์ก็เชื่อว่าจะเกิดขึ้นกับราคาของบิตคอยน์และเหรียญคริปโตตัวอื่น ๆไม่มากก็น้อย