เปิดภาพ "พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ" รับมอบเครื่องราชฯสูงสุดจากรัฐบาลกัมพูชา

04 ส.ค. 2566 | 09:36 น.

เปิดภาพ "สมเด็จพิชัยเสนา เตีย บัญ" เป็นตัวแทน "สมเด็จฮุนเซน" มอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดของประเทศกัมพูชา ให้กับ "บิ๊กจิ๋ว-พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ" ในฐานะผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศกัมพูชา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2566 เวลา 10.00 น .พลเอก สมเด็จพิชัยเสนา เตีย บัญ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กัมพูชา เดินทางมายังบ้านพักรับรองฯ ของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี 

เปิดภาพ \"พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ\" รับมอบเครื่องราชฯสูงสุดจากรัฐบาลกัมพูชา

โดยการเดินทางมาของพลเอกสมเด็จพิชัยเสนา เตีย บัญ ครั้งนี้นั้นมาในฐานะเป็นผู้แทนของ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มามอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดของประเทศกัมพูชา ให้กับ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตผู้บัญชาการทหารบก อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย และพลเอกวิชิต ยาทิพย์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก และนายกสมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชา ผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศกัมพูชา 

เปิดภาพ \"พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ\" รับมอบเครื่องราชฯสูงสุดจากรัฐบาลกัมพูชา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการเดินทางมาไทยของ "พลเอก สมเด็จพิชัยเสนา เตีย บัญ" นั้นถือเป็นเรื่องปกติ เพราะมีความคุ้นชินกับประเทศไทยมาอย่างช้านาน

ฐานเศรษฐกิจ รวบรวมข้อมูลของ "พลเอกสมเด็จพิชัยเสนา เตีย บัญ"พบว่า นามเดิมคือ "สังวาลย์" เพราะขณะนั้นกัมพูชายังไม่บัญญัติการใช้นามสกุล เกิดเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2488 ที่จังหวัดเกาะกง กัมพูชาในอารักขาของฝรั่งเศส

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 "พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี"  ทรงมีพระราชกฤษฎีกาพระราชทานบรรดาศักดิ์แก่พลเอกเตีย บัญ เป็นขุนนางชั้นสมเด็จ ที่ "สมเด็จพิชัยเสนา เตีย บัญ"

เตียบัญ เกิดในครอบครัวชาวนาผู้มีรายได้น้อย เป็นบุตรลำดับที่สามจากทั้งหมดห้าคนของเตีย ตึก (มีชื่อไทยว่า เต็ก) เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน กับนู เป็งจันดา (ชื่อไทยว่า หนู เพ่งจินดา) หญิงชาวไทยเกาะกง

เตียบัญมีพี่น้องคือ เตีย สวัสดิ์, เตีย สังเวียน, เตีย วน และเตีย วิญ ซึ่งคนหลังนี้เป็นผู้บัญชาการกองทัพเรือของประเทศกัมพูชา

เปิดภาพ \"พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ\" รับมอบเครื่องราชฯสูงสุดจากรัฐบาลกัมพูชา

ที่น่าสนใจคือครอบครัวนี้สื่อสารกันด้วยภาษาไทยถิ่นตราด อันเป็นภาษาพื้นเมืองของจังหวัดเกาะกง และมีสำเนียงแปร่งเป็นเอกลักษณ์

ในวัยเยาว์ สมเด็จพิชัยเสนาดำรงชีพด้วยความยากลำบาก เพราะบิดาตายตั้งแต่เขายังเด็ก มารดาจึงกลายเป็นเสาหลักเดียวของบ้าน ที่ต้องทำนาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว

เดิมครอบครัวของเขาไม่มีนามสกุลใช้ กระทั่งมีการบัญญัติการใช้นามสกุล จึงนำชื่อของก๋ง (ปู่) คือเตีย มาตั้งเป็นนามสกุล บางแห่งว่าใช้แซ่ของก๋งมาตั้งเป็นนามสกุล แต่ส่วนตัวของสมเด็จพิชัยเสนาเคยใช้นามสกุล หินกลิ้ง เมื่อครั้งยังศึกษาอยู่ที่อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด จึงใช้นามสกุลดังกล่าวอยู่ช่วงหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีสมญานามว่า เยื่อ เพราะหัวเราะเสียงดังอย่างคนชื่อตาเยื่อ

อย่างไรก็ตามสมเด็จพิชัยเสนาสำเร็จการศึกษาเพียงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เกาะกง เพราะฐานะทางบ้านไม่อำนวย

สมเด็จพิชัยเสนาสมรสกับเตา เตือน (ชื่อไทยว่า เตือนใจ ธรรมเกษร) ซึ่งเป็นชาวไทยเกาะกงเช่นกัน เมื่อ พ.ศ. 2518 ครอบครัวของเตือนใจเป็นครอบครัวใหญ่ เธอเป็นบุตรสาวของแช่ม ธรรมเกษร ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของใส่ ภู่ทอง และรุ่ง พราหมณ์เกษร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง เมื่อนับจากฝ่ายมารดา

รวมทั้งเป็นญาติฝ่ายภรรยาของขุนประนอมธนากิจ (จ๊วน แซ่เฮ้ง) นายกองกรมทหารเรือ ประจำเมืองปัจจันตคิรีเขตร

เปิดภาพ \"พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ\" รับมอบเครื่องราชฯสูงสุดจากรัฐบาลกัมพูชา

สมเด็จพิชัยเสนากับเตือนใจมีบุตรด้วยกันสามคน เป็นชายสองคน และหญิงหนึ่งคน คือ เตีย เซียม (สยาม), เตีย เซ็ยฮา (สิงหา) และเตีย กาญา (กัญญา) โดยเตีย เซ็ยฮา บุตรคนที่สอง ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเสียมราฐ

 

นักปฏิวัติ

ในวัยเยาว์ ครอบครัวของสมเด็จพิชัยเสนาถูกกดขี่จากข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ต้องการสมรสกับน้องสาวของเขา ซึ่งขณะนั้นมีอายุเพียง 13 ปี สมเด็จพิชัยเสนาปฏิเสธไป และกล่าวว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าว ถือเป็นความกดดันแรกที่ทำให้เขาอยากเป็นทหาร

เมื่อสมเด็จพิชัยเสนาจำเริญวัยขึ้น ก็เข้าร่วมกับอดีตคณะอิสระ จนกลายเป็นนักปฏิวัติอาชีพ เพราะได้รับอิทธิพลทางการเมืองจากจีนและเวียดนามผ่านวิทยุปักกิ่ง ในเวลาต่อมาก็มีทหารมาจับกุมตัว โดยยัดเยียดข้อหากระด้างกระเดื่องและซ่องโจร ลงโทษด้วยการจับตากแดดและอดอาหารเป็นเวลาสี่วันสี่คืน

ครั้นมีอายุได้ 16 ปี สมเด็จพิชัยเสนาได้เป็นครูอาสาในหมู่บ้าน เพื่อช่วยเหลือคนที่ไม่มีการศึกษาซึ่งถูกกดขี่ข่มเหง จากการกระทำนั้นเขาก็ถูกทหารจับกุมตัวอีกครั้ง พระสงฆ์ที่เห็นเหตุการณ์เข้าก็ขอบิณฑบาตชีวิตไว้ได้ทัน สมเด็จพิชัยเสนาจึงรอดชีวิตมาได้

ต่อมาเมื่อสมเด็จพิชัยเสนาอายุราว 17-18 ปี ทหารเขมรทราบว่าสมเด็จพิชัยเสนาและพรรคพวกซ่องสุมผู้คน ทหารเขมรเจ็ดนายจึงนำตัวเขาและเพื่อนอีกสองคนเข้าไปในป่าเพื่อยิงทิ้งเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2508

เปิดภาพ \"พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ\" รับมอบเครื่องราชฯสูงสุดจากรัฐบาลกัมพูชา

ขณะทหารลั่นไกปืน สมเด็จพิชัยเสนาคิดว่าอย่างไรเสียตนก็คงต้องตาย จึงหลับตาและล้มลงไปพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนโดยมีเลือดของเพื่อน ๆ ไหลเปื้อนตัว แต่สมเด็จพิชัยเสนายังได้ยินเสียงทหารคุยกัน ก็รู้ตัวว่าตนยังไม่ตาย จึงขยับตัว แต่มีทหารนายหนึ่งเห็นเข้าก็รีบหยิบปืนมายิงซ้ำ แต่ปรากฏว่ากระสุนด้าน สมเด็จพิชัยเสนาสบโอกาสหนีเข้าไปในป่าเพื่อเอาตัวรอดมาได้ จึงเป็นที่มาของชื่อ "บัญ" ในภาษาเขมร แปลว่า "ยิง"

สมเด็จพิชัยเสนาดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการคณะกรรมการการฝึกอบรม และผู้บัญชาการทหารพลพรรคไทยเกาะกง ช่วง พ.ศ. 2516–2522 กระทั่งเขมรแดงยึดครองดินแดนกัมพูชาส่วนใหญ่ได้สำเร็จ ก็ได้กระทำการอุกอาจและป่าเถื่อนต่อผู้คน สมเด็จพิชัยเสนาพร้อมด้วยพลพรรคไทยเกาะกงส่วนหนึ่งอพยพข้ามแดนมายังบ้านไม้รูด อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด

จึงมีโอกาสได้พบกับหน่วย 315 ซึ่งเป็นกำลังพลที่ขึ้นตรงต่อศูนย์อำนวยการกองทัพบก ในความรับผิดชอบของพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ทำให้สมเด็จพิชัยเสนาและพลพรรคไทยเกาะกง มีสัมพันธภาพอันดีต่อพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ และพลเอก วิชิต ยาทิพย์ ซึ่งถูกส่งไปปฏิบัติราชการลับในกัมพูชา

เปิดภาพ \"พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ\" รับมอบเครื่องราชฯสูงสุดจากรัฐบาลกัมพูชา

ความสัมพันธ์ทหารและนักการเมืองไทย

เตีย บัญ มีความสามารถทางการทหาร มีความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับใส่ ภู่ทอง และนายทหารระดับสูงของไทยจำนวนมาก ทำให้เขาสามารถดำรงอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ได้ แม้ว่าสื่อมวลชนต่างประเทศจะมองว่าใส่ ภูทองถูกลดความสำคัญลง ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2538 ที่ใส่ ภูทองถูกย้ายเป็นคณะกรรมการตรวจสอบของพรรคประชาชนกัมพูชา

อีกทั้งสุขภาพก็ทรุดโทรม และใช้เวลาส่วนใหญ่ในไทย ขณะที่เส้นสายของฮุน เซน และเจีย ซีมมีมากขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบต่อเตีย บัญ แต่ในเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ เตีย บัญยังคงรักษาสถานะของตัวเองได้เป็นอย่างดี

สำหรับตำแหน่งหลังสุด เตีย บัญ ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเสียมราฐ สังกัดพรรคประชาชนกัมพูชาในการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา