จับตา "การเมืองปากีสถาน” ตัวเร่ง “วิกฤติเศรษฐกิจ”

13 พ.ค. 2566 | 12:00 น.

ความไม่สงบทางการเมืองในปากีสถานนับตั้งแต่อดีตนายกรัฐมนตรี “อิมราน ข่าน” ถูกจับกุมเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา กำลังทำให้เกิด “ความเสี่ยงทางการเงิน” ที่กำลังร่อยหรอจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศและทำให้วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศรุนแรงขึ้น

การประท้วงทั่วประเทศในปากีสถาน "ทวีความรุนแรง" ซ้ำเติมเศรษฐกิจ  หลังอดีตนายกรัฐมนตรี “อิมราน ข่าน” ถูกจับกุมในข้อหาคอร์รัปชั่น ผู้สนับสนุนของเขาได้บุกเข้าไปในอาคารและปะทะกับกองกำลังรักษาความปลอดภัย มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 8 ราย และบาดเจ็บอีกหลายร้อยคน แม้ขณะนี้เขาได้รับการประกันตัวเมื่อวันศุกร์ แต่คาดว่าเขาจะถูกจับกุมอีกครั้ง

รัฐบาลที่ขาดเสถียรภาพของเขา ทำให้เกิด "ความเสี่ยงของการผิดนัดชำระหนี้" แก่บรรดาเจ้าหนี้ เช่น จีน แต่อาจบรรลุข้อตกลงกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้เร็วๆนี้  IMF กำลังเจรจากับรัฐบาลปากีสถานเกี่ยวกับโครงการความช่วยเหลือมูลค่า 6.5 พันล้านดอลลาร์อีกครั้ง แต่นักวิเคราะห์ "ไม่เชื่อ" ว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงเพื่อปลดล็อกเงินทุนที่จำเป็นได้ ด้วยสภาพแวดล้อมทางการเมืองในประเทศที่ผันผวน ไม่แน่นอน ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ 

ขณะที่หน่วยงานจัดอันดับ มูดีส์  (Moody's) ได้ "ปรับลดอันดับเครดิต" ของปากีสถาน เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยสังเกตว่าทุนสำรองเงินตราต่างประเทศนั้น “ต่ำกว่าที่จำเป็นมาก”

การเติบโตทางเศรษฐกิจที่หยุดชะงัก และอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น ทั่วภูมิภาคเอเชียใต้ในปีที่ผ่านมา ทำให้ "เงินรูปี" ของปากีสถาน "อ่อนค่าลง" อย่างมาก "แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์" เกือบ 300 ต่อดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์นี้  การสำรองเงินตราต่างประเทศลดน้อยลง ทำให้ปากีสถานประสบปัญหาในการนำเข้าสินค้าที่จำเป็น เช่น อาหาร ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น หลัง "อัตราเงินเฟ้อสูงถึง 36.4%" เมื่อเดือนเมษายน โดยราคาอาหารเพิ่มขึ้น 47- 52%  

“ทาเฮอร์ แอบบาส” ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Arif Habib ซึ่งเป็นบริษัทการเงินในการาจีกล่าวว่า "เงินสำรองต่างประเทศ" ที่ธนาคารกลางปากีสถานเหลือประมาณ 4.4 พันล้านดอลลาร์ เพียงพอที่จะนำเข้าสินค้าได้อีกประมาณ 1 เดือน

ประชาชนเพิ่งได้รับผลกระทบจาก “น้ำท่วมใหญ่” เมื่อปีที่แล้ว  "ธนาคารโลก" มองว่า สถานการณ์ "ความยากจน" ของปากีสถาน "รุนแรงขึ้น" ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา" และรายได้ของครัวเรือนที่ยากจนอยู่แล้วยังลดลง

มีการวิเคราะห์ว่า หากรัฐบาลจะดำเนินมาตรการ “ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มภาษี” ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะในช่วงก่อนการเลือกตั้ง

นายกรัฐมนตรีปากีสถาน “ชีบาซ ชารีฟ” กล่าวในการปราศรัยทางโทรทัศน์เมื่อวันศุกร์ว่า "ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศเกิดจาก “รัฐบาลชุดที่แล้วละเมิดข้อตกลงกับ IMF"  และรัฐบาลปัจจุบันกำลังพยายามแก้ไข"

"หากไม่มีความช่วยเหลือจาก IMF เพื่อปลดล็อกแหล่งเงินทุนของประเทศ มีความเสี่ยงที่ปากีสถานอาจผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังพอมีทางออก" 

“หนี้พันธบัตรของภาคเอกชนมีขนาดเล็กมาก และจนถึงตอนนี้เจ้าหนี้ทวิภาคีรายใหญ่ก็เต็มใจที่จะยกเลิกหนี้ที่ครบกำหนด” เขากล่าวเสริมว่าประเทศ “สามารถจัดการปัญหา” ได้จนถึงช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงเดือนสิงหาคม" 

มูดีส์ ประเมินว่า ปากีสถานต้องการทางการเงินจากองค์กรต่างประเทศ สำหรับนำมาใช้จ่ายในปีงบประมาณ 2567 (กรกฎาคม 66 - มิถุนายน 67)  อยู่ที่ 3.5 - 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดย 50% ของรายได้ของรัฐบาลจะต้องนำไปจ่าย "ดอกเบี้ยจากภาระหนี้"  ในอีกหลายปีข้างหน้า  ซึ่งรวมถึงใช้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และแก้ไขสถานการณ์วุ่นวายทางการเมือง


ที่มา CNN