IBM เลิกจ้างพนักงาน 7,800 ตำแหน่ง ใช้ AI เข้ามาทำแทน

05 พ.ค. 2566 | 05:04 น.

IBM บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของโลกประกาศหยุดการจ้างงานชั่วคราวกว่า 7,800 ตำแหน่ง โดยจะใช้ AI แทน โดยคิดเป็นสัดส่วน 30% ของพนักงาน ที่จะใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ และระบบอัตโนมัติ ทดแทนได้ในช่วงเวลา 5 ปี

สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวว่า IBM (International Business Machines Corp) บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของโลกประกาศหยุดการจ้างงานชั่วคราวกว่า 7,800 ตำแหน่ง โดยจะใช้ AI แทน

“Arvind Krishna” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO ของ IBM กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะมีการเลิกจ้างพนักงานในบางตำแหน่งและอาจถูกแทนที่ด้วยปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าการจ้างงานในหน้าที่หลังบ้าน

เช่น ฝ่ายทรัพยากรบุคคล จะถูกระงับหรือชะลอตัว โดยแผนกที่ไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าเหล่านี้มีจำนวนพนักงานประมาณ 26,000 คน และเขามองว่า 30% ของพนักงานเหล่านี้สามารถแทนที่ด้วย AI และระบบอัตโนมัติได้ในช่วงเวลา 5 ปี

นั่นหมายความว่าพนักงานประมาณ 7,800 ตำแหน่งจะถูกปลด เนื่องจากระบบปัญญาประดิษฐ์ได้พัฒนาความสามารถมากขึ้นเรื่อยๆ และสามารถทำงานแทนที่มนุษย์ได้แล้วในบางสาขาอาชีพ แต่ในการให้บริการลูกค้ายังคงต้องใช้ความสามารถของมนุษย์อยู่ ซึ่งแผนของผู้บริหาร IBM ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ด้านแรงงานที่ใหญ่ที่สุดที่ประกาศเพื่อตอบสนองต่อเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

ด้านโฆษกของ IBM มองว่า การลดจำนวนการจ้างงานหรือยกเลิกการจ้างงานรวมถึงการหมดสัญญาจ้าง จะทำให้เกิดตำแหน่งงานที่ว่างกว่า 7,800 ตำแหน่ง การปลดพนักงานและลดตำแหน่ง 1.5% ของพนักงานทั้งหมดเมื่อต้นปีส่งผลให้ IBM ทำกำไรเพิ่มขึ้นตามคาดการณ์ อีกทั้งยังลดภาระค่าใช้จ่ายจำนวน 2,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี

แม้จะมีการประกาศลดและหยุดการจ้างงาน แต่ในปัจจุบันพนักงานของ IBM มีจำนวนกว่า 260,000 คนและยังเพิ่มการจ้างงานในตำแหน่งเกี่ยวกับการพัฒนาซอฟต์แวร์และตำแหน่งงานที่ต้องพบปะกับลูกค้าโดยตรง และยังคงจ้างงานเพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์และบทบาทที่ต้องเผชิญกับลูกค้า การหาคนเก่งวันนี้ง่ายกว่าปีที่แล้ว และบริษัทประกาศลดตำแหน่งงานลงเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งอาจมีจำนวนพนักงานประมาณ 5,000 ตำแหน่ง

IBM ได้ขายธุรกิจที่เติบโตต่ำอย่าง Kyndryl Inc.ผู้ให้บริการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี สารสนเทศข้ามชาติ และขายธุรกิจบางส่วนใน Watson Health และ IBM เตรียมพิจารณาขาย Weather unit ออก โดยจะเน้นการพัฒนาด้านซอฟต์แวร์และบริการเพิ่ม เช่น Hybrid Cloud

ขณะที่ World Economic Forum รายงานว่า ในอีกห้า 5 ข้างหน้า เกือบ 1 ใน 4 ของงานทั้งหมดจะเปลี่ยนไปอันเป็นผลมาจาก AI การเปลี่ยนแปลงเป็นดิจิทัลและการพัฒนาทางเศรษฐกิจอื่น ๆ เช่นการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสีเขียว และห่วงโซ่อุปทานใหม่ๆ

ในขณะที่ผลการศึกษาคาดว่า AI จะส่งผลให้เกิด "การหยุดชะงักของตลาดแรงงานอย่างมีนัยสำคัญ" ผลกระทบของเทคโนโลยีส่วนใหญ่จะเป็นบวกในอีก 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่เทคโนโลยี การจัดการและความปลอดภัยทางไซเบอร์กลายเป็นตัวขับเคลื่อนที่ใหญ่ที่สุดของการเติบโตของการจ้างงาน

รายงานระบุว่า การเกิดขึ้นของแอปพลิเคชัน AI เช่น ChatGPT ซึ่งเป็นแพล็ตฟอร์มเพื่อจําลองการใช้เหตุผลของมนุษย์และการแก้ปัญหา จะมีผลกระทบที่เด่นชัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่จะสามารถพัฒนาไปสู่การใช้เหตุผล การสื่อสาร และการประสานงานที่เป็นไปโดยอัตโนมัติ